ตำรวจสตึก ตามจับได้แล้วมือปืนขับยาริสยิงกลางสี่แยกแล้วขับหนีเป็นชาวอุทัยธานี สารภาพเป็นเพียงปืนแก๊ปเด็กเล่น ยิงเพราะฉุนที่ห้างโลตัส ไม่ให้เข้าห้างเพราะไม่มีสติ๊กเกอร์ Buriram Healthy ของคณะกรรมการป้องกันโรคติดต่อประจำจังหวัดบุรีรัมย์
วันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นิติพงษ์ สีทาเลิศ รอง ผกก.(สืบสวน) พ.ต.ท.สามารถ หมายสม สารวัตร(สืบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นำตัวนายสิทธิชัย อายุ 35 ปี อยู่บ้าน ม.10 ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ,นายจักรกฤษณ์ อายุ 19 ปี และนายทรงเผ่า อายุ 31 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.อุทัยธานี อาชีพทำงานวิค (ผมปลอม)ที่บุรีรัมย์ มาสอบสวน ภายหลังจากที่เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมาทั้ง 3 คนได้รถเก๋งยี่ห้อยาริส สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลัง ก่อเหตุใช้อาวุธยิงปืนไม่ทราบขนาดยิงขึ้นฟ้า บริเวณสี่แยกไฟแดงหนองเกาะ เขตเทศบาลสตึก อ.สตึก ตามภาพจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดีที่ขับรถตามหลังมา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก หลังรับเรื่อง ได้นำกำลังออกติดตาม รถต้องสงสัยคันดังกล่าว จนกระทั่งพบรถตามภาพจอดอยู่ลานจอดรถด้านหลัง ห้างสตึกพลาซ่า ต.นิคม อ.สตึก จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
จากการสอบสวนนายสิทธิชัย คนขับรถให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนเป็นคนขับรถ นั่งมาด้วยกัน 3 คนขับมาหาเพื่อนที่ อ.สตึก แต่ต้องการแวะเข้าห้างโลตัส แต่พนักงานห้างไม่อนุญาตให้เข้าไป เพราะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ติดสติกเกอร์ Buriram Healthy ที่แสดงถึงความปลอดโรคโควิด 19 ของคนบุรีรัมย์ ขณะจอดสี่แยกไฟแดงข้างโลตัสสาขาสตึก กำลังจะเลี้ยวรถกลับบุรีรัมย์ จังหวะนั้นนายทรงเผ่า ซึ่งอยู่ในอาการฉุนเฉียวที่ไม่ได้เข้าห้าง จึงคว้าปืนแก๊ปเด็กเล่นที่เพิ่งซื้อมาได้วันเดียวขึ้นมายิงขึ้นฟ้า 2 นัดแล้วขับรถกลับบุรีรัมย์ตามปกติ จนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว
หลังการสอบปากคำเบื้องต้นได้นำตัวส่ง ร.ต.อ. พรหมพิริยะ พันสีเงิน รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ตามมาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียงทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึ้งโดยไม่มีเหตุอันควร กระทำให้ประชาชนตกใจ หรือเดือดร้อนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ก่อนผู้ก่อเหตุแยกย้ายกลับบ้าน พร้อมฝากขอโทษสังคมที่กระทำลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และคิดว่าไม่มีความผิดเพราะเป็นเพียงปืนแก๊ป