อย่าไปนินทากาเล คนเฮโลแย่งซื้อเหล้าเบียร์

2020-05-05 10:40:11

อย่าไปนินทากาเล คนเฮโลแย่งซื้อเหล้าเบียร์

Advertisement

อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ หรือเหน็บแนมจิกกัด กับเหตุการณ์ผู้คนเข้าคิวแย่งซื้อเหล้าซื้อเบียร์วันนี้ (3 พ.ค.) กันเลยนะครับ


โดยเฉพาะที่พยายามเหมารวมว่า คนไปแย่งซื้อเหล้าเบียร์วันนี้เป็นคนกลุ่มเดียวกับที่โวยวายไม่มีจะกิน และเคยก่นด่าว่าร้ายรัฐบาล

ผมว่าน่าจะเป็นคนละกลุ่มละพวกชัดเจน เพราะคนที่ไปยื้อแย่งเหล้าเบียร์จากซูเปอร์สโตร์วันนี้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพ่อค้าแม่ขายรายย่อย ซื้อไปหวังขายต่อมากกว่า อาจมีบ้างบางส่วนที่ซื้อหาไปไว้ดื่มกินเอง

ส่วนที่โวยวายรัฐ บอกไม่มีกินจะอดตาย นั่นน่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง และน่าจะเป็นคนที่ลำบากลำบนสุดๆกับภาวะโควิด 19 จริงๆ ไม่ว่าจะตกงาน ขาดรายได้ หรือไม่ก็ไม่มีงานให้ทำอยู่ก่อนแล้ว แต่ปากท้องมันหิว ก็ต้องดิ้นรนหากิน

หลายคนอาจคาดหวังจะได้เงินเยียวยาเดือนละ 5 พันบาท แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ผ่าน ลงทะเบียนอุทธรณ์ก็แล้ว ไปร้องที่กระทรวงการคลังก็แล้ว สุดท้ายทำได้แค่ไปรอแจกอาหารกล่องฟรีของผู้ใจบุญ


ถามว่าคนเหล่านี้ อยากกินเหล้ากินเบียร์ไหม คำตอบง่ายๆก็คงอยากเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ แต่ไม่มีปัญญา และคงไม่มีใครสะเออะ ไปรอคิวซื้อเหล้าแย่งเบียร์กับคนอื่น

อันนี้เพื่อความเป็นธรรมกับทุกคนครับ แต่ที่ต้องตำหนิมากๆ คือทางห้างไม่ยอมจัดระเบียบเว้นระยะห่างลูกค้า จนเบียดเสียดหายใจรดต้นคอชวนหวาดเสียว

ส่วนที่ซื้อไปขายต่อ หรือคนทั่วไปที่อาจซื้อดื่มได้เป็นครั้งเป็นคราวไป ก็เป็นเรื่องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพตราบใดที่โลกนี้ยังมีผู้ผลิตเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกขาย สร้างความร่ำรวยบนความโหยหิวของผู้พิสมัยหรือตกเป็นทาสน้ำเมา พร้อมๆกับย่ำยีสุขภาพตับไตป่นปี้แบบตายผ่อนส่ง สั้นบ้างเร็วบ้างแล้วแต่บุคคล แต่ที่แน่ๆ แต่ละประเทศ รวมทั้งไทย มีตัวเลขผู้เสียชีวิตเพราะพิษเหล้าเบียร์ มากมายทุกปี

ที่หนักที่สุดคือช่วงเทศกาลนับศพและผู้บาดเจ็บ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง คือปีใหม่กับสงกรานต์ ซึ่งยอดคนตายร่วม 400 คนของทุกปีจากการเมาแล้วขับ เมาแล้วซิ่ง ซิ่งไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกกันน็อค จัดได้ว่าสูงกว่ายอดคนตายในสงครามกลางเมืองของหลายประเทศเสียอีก

ยังไม่นับรวมช่วงเวลาอื่นๆ ที่ผู้คนดื่มเหล้าเป็นปกติวิสัย และตามมาด้วยเรื่องความรุนแรง ทั้งทะลาะวิวาท ลงไม้ลงมือในครอบครัว หรือเขม่นเข่นฆ่ากันเองในวงเหล้า ตลอดจนเป็นต้นเหตุสำคัญของคดีอาชญากรรมต่างๆตามมา ไม่เว้นแต่ละวัน รวมทั้งขับรถขณะมึนเมา เกิดอุบัติเหตุ ทำให้คนอื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย แต่ต้องเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ ก็เพราะจุดเริ่มต้นจากเหล้าเบียร์

ปีนี้ แรกๆหลายภาคส่วนอุตส่าห์ดีใจที่รัฐบาลประกาศงดเทศกาลสงกรานต์ และประกาศไม่ให้เป็นวันหยุด ทำให้ไม่ต้องมีการนับยอดคนตายคนเจ็บช่วงสงกรานต์เหมือนปีก่อนๆ แต่พอครั้นมีแรงกดดันให้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด 19 และเปิดให้ขายเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ใหม่ หลังสั่งห้ามซื้อขายเป็นเดือน ภาคส่วนเหล่านั้น ก็อาจได้นับศพคนตายและผู้บาดเจ็บเหมือนเดิม เพียงแต่ขยับเวลาจากช่วงสงกรานต์ไปเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคมแทน

อันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนหลั่งไหลเดินทางไปต่างจังหวัดราวกับนัดกันไว้ หลังจากรู้สึกอุดอู้อยู่แต่ในบ้านตามมาตรการเคอร์ฟิวมานาน ประกอบกับประกาศปลดล็อคให้ขายเหล้าเบียร์ได้ จึงอาจนำไปสู่การฉลองแบบให้ฉ่ำปอดเกิดขึ้นได้ เพราะปกติการดื่มเหล้า มักจะไม่ตั้งวงคนเดียว แต่จะเชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติสนิท หรือแม้แต่คนข้างบ้าน มาร่วมดื่มกินด้วย

3 สารพิษอันตรายที่ว่าแบ๊คอัพใหญ่แน่นปึ๊ก ว่ากันว่า ยังเทียบเคียงกับแบ๊คอัพขาใหญ่ค้าน้ำเมาไม่ได้ เท็จจริงอย่างไร คงไม่ต้องฟันธง

เอาเป็นว่า จุดเริ่มต้นของความตาย พิการทุพพลภาพ และความฉิบ(หาย)ของสุขภาพและสถาบันครอบครัว กำลังกลับมาแล้ว

เพียงแค่ ใครจะตายไวตายช้า เท่านั้นเองครับ