สถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทย เป็นที่น่ายินดีกับตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่าสิบติดต่อกัน 7 วัน แต่รายงานวันที่ 4 พ.ค.63 เพิ่มถึง 18 ราย ผู้ที่ลุ้นข่าวต่อเนื่องมา ก็ยังพอใจ
เพราะมีคำอธิบายของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ว่า ทั้งหมดที่ตรวจพบเป็นแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายอยู่ในศูนย์กักกัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา
เป็นหญิง 17 คน อายุ 13-22 ปี ชาย 1 คน อายุ 10 ปี เป็นกลุ่มที่อยู่รวมกับผู้ติดเชื้อที่พบเมื่อปลายเดือนเม.ย.63 จำนวน 42 คน
ไม่มีคนไทยติดเชื้อรายใหม่เลย
ยอดสะสมของผู้ป่วย 2,987 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ที่หายแล้ว 2,740 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 193 ราย ขณะที่การติดเชื้อทั่วโลกขึ้นไปถึง 3,566,111 ราย เสียชีวิตแล้ว 248,285 ราย เมื่อจำแนกวัยผู้ป่วยกลุ่มใหญ่สุด พบว่าอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี มีถึง 763 ราย ซึ่งน่าจะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ตัวทุกคน เพราะเป็นวัยเรียน วัยแรงงาน ยังกระฉับกระเฉง แข็งแรง ได้รับเชื้อก็มักไม่มีอาการ ยังไปโน่นนี่ พาไวรัสไปไหนต่อไหน และที่สุดก็พากลับบ้านมาฝากครอบครัว เรื่องกินร้อน ช้อนเรา เอาตัวอยู่ห่าง ๆ ล้างมือบ่อย ต้องท่องจำ ทำให้ได้ ไม่งั้นคนอื่นจะเดือดร้อน รายงานผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้ แม้ไม่มีคนไทย แต่ข่าวใหญ่ที่ติดค้างแต่วันวาน พบการติดเชื้อใหม่ถึง 40 ราย ที่ จ.ยะลา กรณีนี้ โฆษกคุณหมออธิบายว่า จุดเริ่มต้นจากการติดตามผู้ป่วยรายแรกที่กลับจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.63 จากนั้น ก็พยายามค้นหาเชิงรุก และรุกติดตามตลอด จนเจอกลุ่มเกี่ยวข้องอีก 20 ราย ที่กระจายไปสัมผัสคนกว่า 600 กรองอีกรอบจนเหลือ 222 แล้วตรวจเจอ 6 ราย สาวต่อได้อีก 311 คน เอามาตรวจก็พบ 40 รายในการตรวจชั้นแรก แต่ก็เป็นที่สงสัยในข้อมูลบางอย่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สงขลา จึงเช็กอีกรอบ ผลอย่างไม่เป็นทางการ ไม่พบเชื้อทั้ง 40 ราย ยังไม่จบ เพราะผลตรวจจากห้องแล็บ 2 ครั้งออกมาตรงกันข้าม จึงต้องตรวจใหม่และทวนซ้ำการทำงานที่แล้วมา ให้ได้ผลที่น่าเชื่อถือ พร้อมกับค้นหาว่าความผิดปกติของการตรวจอยู่ตรงไหน เพื่อทำให้การยืนยันครั้งใหม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นที่แคลงใจว่า มีการปกปิดหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องเข้าใจว่า การตรวจเชิงรุก การตรวจซ้ำ หรือจำนวนการพบจากการพยายามตรวจค้นหา ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะผลทำนองนี้ ย่อมดีกว่าไม่มีใครรู้ปล่อยให้เชื้อลอยนวลไปแพร่ต่อได้ ในเวลานี้ สิ่งที่ทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานราชการ เจ้าของ ผู้ประกอบการทั้งหลาย ต้องระวัง ไม่การ์ดตกเหมือนที่เตือนชาวบ้านอยู่ทุกวัน เพราะคนส่วนใหญ่ตระหนักใส่ใจ วางใจ พร้อมกับช่วยตรวจสอบ ตรวจตรา เห็นสิ่งใดทำท่าจะทำให้เชื้อกระจาย เป็นต้องรีบแชร์ ช่วยแฉ เห็นคนแย่งกันซื้อเหล้าก็เอามาบอก จนกระจ่างในเวลาต่อมาว่า คงเป็นตัวแทนร้านค้าปลีกรับไปขายต่อ เป็นการประกอบอาชีพ ซึ่งพอรับได้ ร้านอาหารที่คนแห่ไปกินไม่สนใจมาตรการที่กำหนดจึงโดนสั่งปิดทันทีทันควัน ต่อจากนี้ ตลาดนัด ตลาดชุมชน ซึ่งเป็นสถานที่แออัด หากไม่จัดระเบียบมีหวังไม่รอด ทุกคนลุ้นเลขศูนย์ชัดๆและอยากให้คงตัวนิ่งนานๆ อุตสาห์ช่วยกันหยุดเชื้อจนจังหวัดที่เคยมีผู้ป่วยติดสีแดงกลายเป็นเขตปลอดเชื้อกว่า 28 มาค่อนประเทศแล้ว
จึงไม่ยอมให้อะไร หรือใครทำให้ผลโควิดเป็นบวกขึ้นมาอีก เข้าใจนะ
