อย.สหรัฐอนุมัติฉุกเฉิน ให้ใช้ยา “เรมเดซิเวียร์”ซึ่งตามปกติเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลา มารักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มี “อาการหนัก” อีกขนานหนึ่ง หลังการทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ขยับผ่านหลัก 67,000 คนแล้ว
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ (US's Food and Drug Administration : FDA)ของสหรัฐ อนุมัติการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส เรมเดซิเวียร์ ( Remdesivir ) เป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อวันศุกร์ (1 พ.ค.) โดยให้ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการหนัก รวมถึง ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ จนต้องต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจ
การอนุมัติมีขึ้นหลังการทดสอบประสิทธิภาพยา ปรากฏว่า เรมเดซิเวียร์สามารถลดระยะเวลาหายป่วยได้ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ป่วยหนักมีอาการดีขึ้นภายใน 11 วันหลังได้รับยา เทียบกับ 15 วันสำหรับผู้ป่วยที่รักษาด้วยยานานอื่น
อย่างไรก็ตาม ยาเรมเดซิเวียร์ช่วยให้อัตรารอดชีวิตของผู้ป่วย สูงขึ้นอย่างโดดเด่น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันกล่าวเตือนว่า เรมเดซิเวียร์ซึ่งเดิมถูกพัฒนาเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัสอีโบลา และผลิตโดยบริษัทกิลเลียด ไซเอินซ์ ( Gilead Sciences )แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ไม่ควรถูกมองว่าเป็น “ยาวิเศษ” ที่สามารถรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างชะงัด
ทางด้านนายแดเนียล โอเดย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัทกิลเลียน ไซเอินซ์ กล่าวว่าบริษัทพร้อมให้การสนับสนุนแก่รัฐบาล ในการแจกจ่ายยาเรมเดซิเวียร์ โดยจะเน้นในรัฐที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสหนักที่สุดก่อน เนื่องจากปริมาณยาที่ผลิตออกมาแล้วและอยู่ในสต๊อก มีจำกัด
ส่วนสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจากการรวบรวมแบบนาทีต่อนาที โดยศูนย์ข้อมูลเวิลด์โอมิเตอร์ (WorldOMeter) ของสหรัฐ นับถึงเวลา 05.00 น.วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค.ตามเวลาในประเทศไทย มีผู้เสียชีวิต 67,293 คน เพิ่มขึ้นอีก 1,540 คนในระยะ 24 ชั่วโมง ติดเชื้อ 1,158,881 คน เพิ่มขึ้น 27,851 คน และรักษาหายแล้ว 160,668 คน.