นับถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ตามที่ประกาศอย่างเป็นทางการ อยู่ที่ 65,141 คน เพิ่มขึ้น 1,285 คนในระยะ 24 ชั่วโมง และติดเชื้อสะสม 1,119,293 คน แต่การสำรวจของสื่อยักษ์ใหญ่หลายสำนักบ่งชี้ว่า ตัวเลขเสียชีวิตที่แท้จริง อาจสูงกว่าที่ประกาศหลายเท่า
การสอบสวนของหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ส พบว่า ในระยะเวลา 5 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 8 มี.ค. จนถึง 11 เม.ย. ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) สหรัฐ ตัวเลขผู้เสียชีวิตใน 7 รัฐที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงสุด ประกอบด้วยรัฐนิวยอร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐมิชิแกน รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐอิลลินอยส์ รัฐแมริแลนด์ และรัฐโคโลราโด สูงกว่าปกติเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์
การสอบสวนยังพบอีกว่า ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 จำนวนมาก ถูกระบุสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคอื่น ที่ผู้ติดเชื้อป่วยอยู่แล้ว
การสอบสวนพบว่า รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของประเทศ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในระยะ 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา สูงกว่าที่ทางการสหรัฐประกาศอย่างเป็นทางการกว่า 3 เท่า
ส่วนการสอบสวนของสำนักข่าวเอบีซี นิวส์ พบว่า ซีดีซีทำการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิต หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอชวัน เอ็นวัน (H1N1) ในสหรัฐในปี พ.ศ. 2552 และ 2553 ได้ข้อสรุปว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดแท้จริง อาจจะสูงกว่าที่ทางการสหรัฐประกาศถึง 15 เท่า และเอบีซี นิวส์ คาดว่า ตัวเลขเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 อาจจะสูงกว่าที่ทางการประกาศอย่างเป็นทางการ หลายเท่าเช่นกัน
การสอบสวนของเอบีซี นิวส์ ยังพบอีกว่า จนถึงขณะนี้ ทางการสหรัฐทำการตรวจหาเชื้อจากประชาชนแล้ว เพียงแค่ 5.5 ล้านคน หรือ 2 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ.