แม้จะชนะโหวต 17 ต่อ 6 งดออกเสียง 1 เท่ากับยืนยัน 2 สารพิษอันตราย พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส จะถูกแบนแน่นอนตั้งแต่ 1 มิถุนายน 63
ตามมติเดิมเมื่อปลายปี 62 ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม เป็นประธาน
แต่ต้องไม่ลืมว่า เดิมทีคณะกก.ชุดก่อน ที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน มีมติให้แบน 3 สารพิษ รวมทั้งไกลโฟเสต ตั้งแต่ปลายปี 2562
แต่เจอกับอิทธิฤทธิ์ความยิ่งใหญ่มีพร้อมทุกสรรพสิ่งขนาด"จ้างผีโม่แป้ง"ได้ ทำให้สุดท้าย มีการกลับมติให้ยืดเวลาถึง 1 มิถุนายน 63 แถมไกลโฟเสต ยังหลุดจากบัญชีวัตถุอันตรายประเภท 4
พูดง่ายๆ คืออ้างโควิด 19 เป็นต้นเหตุ ทำให้การระบายสินค้าสารพิษดังกล่าวในสต็อคทำไม่ทัน แทนที่จะยินดีที่เกษตรกรและผู้บริโภคพืชผลการเกษตรทั้งประเทศ จะได้ไม่ต้องเผชิญกับพิษภัยสารพิษเหล่านี้เพิ่มเติมอีก
ก่อนจะมี"พลังแฝง" ผ่านตัวแทนกลุ่มธุรกิจระดับนำขององค์กรใหญ่ ขอยืดเวลาการแบนไปเป็นสิ้นปี หรือจนกว่าการแพร่ระบาดของโควิด 19 จะสิ้นสุดลง
เป็นความโชคดีของคนไทย ที่การยื่นขอยืดเวลาแบนสารพิษออกไป เกิดรั่วออกไปเสียก่อน จึงมีพลังของกลุ่มต่างๆ พร้อมอกพร้อมใจกันแสดงจุดยืนคัดค้าน และแสดงพลัง แม้ส่วนใหญ่จะผ่านโลกออนไลน์ก็เถอะ
หากไม่มีพลังอันแข็งแกร่งของนักวิชาการ เอ็นจีโอ กลุ่มประชาสังคม กลุ่มคนทำงานด้านเกษตรอินทรีย์ คนรุ่นใหม่ รวมกระทั่งนักการเมืองส่วนหนึ่ง ออกมาต่อต้านอย่างขันแข็ง ไม่แน่นัก ทั้งเกษตรกรและคนไทย อาจต้องจมปลักอยู่กับอาหารที่ปนเปื้อนพิษร้ายสารเคมีเหล่านี้ต่อไปอีกก็ได
แต่สิ่งที่ต้องระวัง จะชะล่าใจไม่ได้ และการ์ดอย่าตก คือการสู้กับนอมินีผู้ค้าสารพิษ และเป็น"พี่เบิ้ม"ใหญ่ในวงการค้าพืชผลการเกษตรและเคมีระดับโลก ยังไม่จบ นี่แค่เปลาะหนึ่งเท่านั้น
คงจำกันได้ เอ่ยชื่อยักษ์ใหญ่ที่ว่า ต้องนึกถึงบริษัทมอนซานโต้ แห่งสหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตและจำหน่ายสารไกลโฟเสต ผ่านชื่อราวด์อัพมาตั้งแต่ปี 2517 ในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย โดยอวดอ้างว่า สามารถขจัดวัชพืชอย่างได้ผลโดยไม่กระทบต่อผลผลิตการเกษตร แต่ในทางปฏิบัติ มีผลวิจัยของหลายหน่วยงานยืนยันเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ ศาลนครซานฟรานซิสโก
มีคำตัดสินให้แพ้คดีและจ่ายเงินชดเชยให้ผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ยื่นฟ้องบริษัท และกล่าวว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ของมอนซานโต้คือต้นเหตุดังกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทชื่อดังแห่งเยอรมนี คิอไบเออร์เข้าไปเทคโอเวอร์มอนซานโต้ และมีผู้ป่วยยื่นฟ้องคดีลักษณะเดียวกันกว่า 5 พันรายทั่วสหรัฐ
บริษัทที่นำเข้าสารไกลโฟเสตจากมอนซานโต้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นเสมือนนอมินีที่มีพลังจากทุกด้าน จนทำให้สารพิษตัวนี้ ยืนหยัดอยู่ในประเทศไทยได้ต่อไป นอกเหนือจากการใช้ล็อบยี้ยิสต์ ระดับรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีของสหรัฐ ทำหนังสือกดดันเรื่องนี้ถึงนายกรัฐมนตรีของไทยและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกหลายกระทรวง อีกทั้งข่มขู่จะมีผลต่อการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ อย่างถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ล กรณีแบนสารเคมีที่สหรัฐใช้อยู่
นำไปอยู่การทดสอบอีกยกในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีกรรมการอย่างน้อย 6 คนที่ต้องการให้ยืดเวลาออกไปถึงสิ้นปี
เป็นการสะท้อนและยืนยันให้เห็นถึงศักยภาพความยิ่งใหญ่ของมอนซานโต้และเครือข่ายธุรกิจบริวาร รวมกระทั่งคนในภาครัฐที่เกื้อหนุนมาตลอด โดยไม่มีใครสามารถจะเอาผิดได้
ผลโหวต 30 เม.ย. แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นสมควร"แบน"สารพิษ 1 มิ.ย.63 ดังเดิม แต่เป็นเพียงชนะชั่วคราว ในเมื่อเรื่องนี้ ยังจะมีภาคต่ออีกยาวไกล
ที่สำคัญ สารไกลโฟเสต ที่ถูกเลิกแบน ก็เป็นการประกาศชัยชนะที่เป็นปฐมบทของไตรภาคอยู่แล้ว
เห็นไหมล่ะครับ ว่าใคร"โคตรใหญ่"เลยจริงๆ