วางปัตตาเลี่ยนหยิบบทมาปัดฝุ่น !! "เกริก ชิลเลอร์" เลิกติสต์ หันหน้ารับงานบันเทิงเลี้ยงครอบครัว (คลิป)

2020-04-30 15:45:23

วางปัตตาเลี่ยนหยิบบทมาปัดฝุ่น !! "เกริก ชิลเลอร์" เลิกติสต์ หันหน้ารับงานบันเทิงเลี้ยงครอบครัว (คลิป)

Advertisement

เคยเป็นหนึ่งในเรื่องเล่นมุกตลกที่ไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นตัวพ่อวงการโจ๊กหน้าจอมาเนิ่นนาน แต่อยู่ๆ ชีวิตที่เคยฟุ้งฟู รับงานรับเงินช่องนั้นช่องนี้เป็นว่าเล่น กลับหันเหความสนใจไปเปิดร้านตัดผมเสียอย่างนั้น 3 ปีที่ห่างวงการบันเทิงไป "เกริก ชิลเลอร์" เขาไปตัดผมอย่างเดียวจริงหรือ แล้วเหตุใดจึงกลับเข้าสู่วงการแสดงอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นกับนักแสดงสุดติสต์คนนี้ วันนี้เขาได้มาเล่าย้อนอดีต พร้อมเกริ่นถึงอนาคตอันใกล้สำหรับโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่รายการคุยแซ่บShow อัพเดตชีวิตคุณพ่อลูกสาว 3 หวงหนักเบอร์ไหน ? จัดการตัวเองและคนรอบข้างอย่างไรในช่วงโควิด 19 แบบนี้ ?



ช่วงโควิดนี้เป็นยังไงบ้าง หนักมั้ยพี่ ?



เกริก : มันหนักทุกคน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือผมตามข่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วว่ามันเริ่มแย่ แต่หลายๆ สำนักบอกว่าเดี๋ยวปีหน้ามันจะดี แต่ผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางดีเพราะมันเป็นช่วงสงครามทางการค้า ซึ่งมันจะเริ่มทวีความรุนแรงแล้วก็จะมีเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะไปเจอกับโรคโควิด ซึ่งมันกระจายไปทั่วโลก มันยิ่งใหญ่มาก มันไม่มีประเทศไหนจะรอดจากไวรัสตัวนี้ได้ ในช่วงที่ผ่านมาเราดูข่าวจากประเทศนั้น ประเทศนี้ โคตรเป็นบุญเลยที่เราเกิดประเทศนี้ อย่างน้อยๆ เราไม่ต้องกังวลเลยว่าเราจะไม่มีกิน เพราะทุกพื้นที่เราปลูกได้ มันก็แค่ชีวิตมีล้ม มีลุก เราใช้ชีวิตอย่าประมาทอย่างวันนี้ที่มันเกิดขึ้น เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วเราก็ไม่คิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้น แล้วนี่มันเพิ่งเกิดหนักๆ กับบ้านเราแค่เดือน สองเดือนเอง แล้วกว่าวัคซีนจะมาอีกกี่เดือน กว่าจะยุติได้ก็ต่อเมื่อเรามีวัคซีนถูกมั้ย





ธุรกิจของพี่ทำอะไรอยู่บ้าง หลังจากเป็นนักแสดงแล้วไปทำร้านทำผม มีทั้งแว็กซ์ ทั้งเจล ?
เกริก : ตอนนี้ทุกอย่างก็ชะลอ ทุกคนอยู่ในสถานะเดียวกันหมด แต่ทุกคนต้องยิ้มเอาไว้ ยิ้มไว้แล้วทำเป็นว่ามีความหวังเอาไว้ แต่ความหวังคืออะไรวันนี้ก็ยังงงๆ อยู่ เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สังคมก็เปลี่ยนแน่นอนทั้งการทำงานและการเรียน มันไม่มีทางเหมือนเดิม

แต่ว่าผมมันยาวทุกวันนะพี่ แต่ธุรกิจไม่งอกเงย ?
เกริก : ร้านตัดผมต้องมีมาตรการ ช่างตัดผมปกติจะใส่แมสก์ อุปกรณ์ตัดผมต้องมีแช่แอลกอฮอล์ทำความสะอาดในทุกครั้งที่เสร็จต่อหัวหรือเปล่า แล้วก็มีหลายคนเริ่มจะตัดผมเองแล้ว

พี่เริ่มต้นมาจากอะไรทำไมพี่ถึงตัดผมได้ ?


เกริก : เริ่มต้นมาจากเวลาว่างในกองถ่ายมันเยอะ แล้วเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ต้องมานั่งรอเข้าฉาก ทำยังไงให้เวลาเกิดประโยชน์มากที่สุด เราก็ไปซื้อปัตตาเลี่ยนมาตัดผมช่างไฟ ตากล้อง ในกองที่เค้าเบี้ยน้อยหอยน้อย ตัดเสร็จก็ถ่ายรูปลง IG ขำๆ ทำให้มันมีสตอรี่ ไปๆ มานอนฝันว่าได้ตัดผมผู้หญิง ผู้ชายเยอะแยะไปหมดเลย พอถึงตรงนั้นแล้วมันเริ่มเข้าเส้น หลังจากนั้นก็ไปเรียน เพราะทุกครั้งที่ตัดจะเจอปัญหาใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะเส้นผมคนเราไม่เหมือนกัน รูปศีรษะคนเราไม่เหมือนกัน หน้าคนเราไม่เหมือนกัน เราก็อยากตัดคนที่เค้าผมไม่สวย หน้าตาไม่ดี ให้มันดูหล่อ ให้มันดูเท่ มันทำยังไง อยากจะแก้ไขปัญหาตรงนี้



พี่เคยเปิดร้านตัดผมตัวเอง ตัดผมผู้ชายหรือผู้หญิง ?
เกริก : ตัดผมผู้ชายและผู้หญิง ตัดจริงๆ อยู่ได้ซัก 2-3 ปีได้ แล้วก็หยุด เพราะว่าไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก เคยตัดมากสุดวันละ 15 คน แล้วก็ยืนตลอดเลย ขายของอย่างเดียวดีกว่ามั้ย เพราะพี่มีผลิตภัณฑ์ของตัวเองด้วย ยาปลูกผม แชมพู ครีมนวดผม แว็กซ์ เจลล้างมือ ทุกวันนี้ก็ยังมีขายอยู่



อย่างที่บอกว่าช่วงโควิดโดนกันหมด สำหรับพี่เองค่าใช้จ่ายในครอบครัวช่วงโควิดดึงมาจากไหน ?
เกริก : ของเก่ายังพอเลี้ยงได้ บวกกับว่าครอบครัวเราไม่ได้เป็นครอบครัวฟุ่มเฟือย คือเรื่องหนักๆ ของครอบครัวเรามันคือเรื่องการกินแล้วก็ค่าเรียนของลูก ส่วนเรื่องอะไรที่เป็นส่วนตัวของผมกับภรรยาผมตัดเรื่องนี้ไปนานมากแล้ว เพราะเรื่องใหญ่ที่สุดคือเอาให้ลูกก่อน คือผมกับแฟนผมบอกกับลูกว่า พ่อกับแม่ไม่มีอะไรเลยลูก ทุกอย่างเป็นของลูกหมดเลย ความสุขเราอยู่ตรงนั้น พอเราใช้ชีวิตเป็นแบบนั้น ลูกๆ ก็จะเห็นแบบอย่างเรา ลูกๆ ก็จะไม่ฟุ่มเฟือย แล้วเวลาลูกๆ อยากได้อะไรเราก็จะเป็นคนให้มาตั้งแต่เด็ก ให้จนเค้าไม่อยากได้อะไร



พี่หันไปเอาดีทางด้านการตัดผมจนห่างหายจากวงการบันเทิงไปตอนนี้เห็นว่ากำลังกลับมาเล่นละคร ? 
เกริก : กลับมาถ่ายได้ 3 เรื่อง ปิดแล้วเรื่องนึง อีกสองเรื่องกำลังถ่ายอยู่ จริงๆ แล้วไม่ได้จะเลิกนะ อยากหยุด อยากให้เวลาตัวเอง อยากมาฟื้นตัวเองสักนิดนึง เพราะว่าตัวเองรับละครอาทิตย์ละ 6-7 เรื่อง มาตั้งกี่ปี ตั้งแต่อายุ 25 จนอายุ 45 ก็หยุดไป ไม่ไหวแล้ว ไม่อย่างนั้นการทำงานของผมจะเป็นอัตโนมัติมากเลย ดีใจแบบนี้ ร้องไห้แบบนี้ ตลกแบบนี้ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ผมอยากให้ตัวผมกลับไปเป็นเกริกเหมือนเดิมแล้วเพิ่งกลับมาเล่นละครใหม่



พี่ต้องการจะรีเซตตัวเอง ?
เกริก : ถูกต้อง

ก็เลยหยุดไปเลย แล้วไปตัดผม ?
เกริก : ถูกต้อง ผมเลยต้องไปหาอะไรทำ

พอปิดร้านก็กลับเข้าสู่ละครอีกครั้ง ได้รีเซตตัวเองรึยัง ?
เกริก : ใช่ ได้รีเซตตัวเองแล้ว เรารู้สึกว่าเราไม่ใช่ดาราที่ชื่อเกริก ชิลเลอร์ เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว เราเป็นตัวเรา เราไม่ใช่เกริก ชิลเลอร์ ดารารุ่นใหญ่ที่กดดันมากทุกสิ่งทุกอย่าง นี่ผมแฮปปี้มีความสุขมาก



ต้องมีเคาะสนิมมั้ย ?
เกริก : ไม่ต้องเลย สมองดีกว่าเดิมด้วย ตอนแรกๆ ก็เป็นห่วงว่าถ้าไปเจอบท 2-3 บรรทัดจะยังไง มาเป็นหน้ายังจำได้เลย คือเหมือนมันเคลียร์ มันไม่มีเรื่อง มันไม่มีละครเรื่องอื่นมาปน เพราะฉะนั้นคาแรกเตอร์มันจึงเป็นคาแรกเตอร์จะจำบทได้

ปีนึงจะรับได้ทั้งหมดกี่เรื่อง ?
เกริก : ปีนึงไม่รู้ แต่ว่าช่วงละครที่ลอตแต่ละลอต 3 เรื่องพอแล้ว เพราะว่าต้องทำงานอย่างอื่นด้วยแล้วก็ต้องดูแลครอบครัวด้วย

คนไม่ได้คิดถึงแค่พี่ ยังคิดถึงภรรยาพี่ด้วย จะมีโอกาสหวนกลับมาวงการบันเทิงเดินแบบหรือเล่นละครบ้างมั้ย ?
เกริก : ผมก็เห็นเค้าบ่นอยากมาเล่นละครนะ เพราะเค้าเป็นคนสนุก เค้าอยากจะกลับมาสนุกสนาน เพราะเลี้ยงลูกได้โตระดับนึงแล้ว ก็อยากจะกลับมาหาเพื่อนฝูงเมาท์มอยในกองถ่าย ซึ่งผมก็บอกว่าให้เค้าทำหน้าที่เค้าให้ดีก่อน เพราะเรามีหน้าที่กันอย่างชัดเจน เค้ามีหน้าที่ดูแลลูกซึ่งมันเป็นอะไรที่หนักมาก ไปรับ ไปส่งเช้าเย็น ต้องสอนทำการบ้าน ทำธุระเกี่ยวกับเด็กทั้งหมด ผมเคยลองไปอยู่ตรงนั้น ผมไม่มีความอดทนมากพอ ผมทำไม่ได้



คบกับภรรยามากี่ปีแล้ว ?
เกริก : 20 กว่าปีแล้ว

เถียงเรื่องอะไรบ่อยสุด ?
เกริก : เถียงกันเกือบทุกเรื่อง ในความรู้สึกผม ผมว่าถ้ามันชี้นก ชี้ไม้เหมือนกันหมด มันโอเวอร์อ่ะ

ตอนนี้แยกเตียงกับภรรยานอนแล้ว เกิดอะไรขึ้น ?
เกริก : ไม่ได้แยกเตียงนะ ก็ยังนอนเตียงเดียวกันอยู่ คือเรานอนกันไม่เป็นที่ เพราะห้องนอนหลักลูกคนโตยึดไปเรียบร้อย คือบางทีผมก็ไปนอนที่ร้านตัดผมออฟฟิศผมนะ บางทีก็นอนโซฟา นอนมันทุกที่



ทำไมถึงแยกกันนอน ?
เกริก : เราอยากนอนตรงไหนเราก็นอน คือมันสบายๆ อย่าไปคิดว่ามันจะต้องเป็นแบบแผนว่าผัว-เมีย ต้องมานอนข้างๆ กัน ไม่นอนข้างกันแล้วจะไม่รักกัน ถ้าไม่รักกันคงจะไม่อยู่กันมา 20 กว่าปี

20 กว่าปี พี่เติมความหวานยังไง ?
เกริก : ในความเป็นพ่อ เป็นแม่มันไม่ใช่แค่เรื่องตัวกูของกู แต่ทุกอย่างมันคือความรู้สึกของลูก ทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูก มันเอาความอยากได้ของตัวเองตัดทิ้งไปให้หมด แล้วส่งพลังทุกอย่างให้กับลูก เพราะว่าคนเจเนอร์เรชั่นใหม่เค้าต้องออกไปลุยต่อ เค้าต้องออกไปทำงาน ออกไปสร้างตัวเอง ออกไปเป็นคนที่มีคุณภาพต่อสังคม เราจึงตัดเรื่องความเป็นตัวเองออกไป

ไว้หนวดเคราเพราะลูกสาว 3 คน จริงมั้ย ?
เกริก : ใช่ ผมมีหนวดแบบเดียวกับที่พ่อผมมีเลย คือหวงลูกนั่นแหละ



เวลาใครจะมาคุยกับลูก เราเอาหน้าเข้มๆ ของเราไปมั้ย ?
เกริก : ลูกสาวใคร ใครก็หวง เค้าเป็นผู้หญิงด้วยคือถ้ามันพลาดอะไรไปแล้วมันไม่ไหวนะ คือมันพลาดเลย

มีเพื่อนแบบไหนบ้างที่ไม่ได้ ?
เกริก : มันก็มีสิ่งที่เราไม่เข้าใจแหละ เค้าก็เริ่มเป็นตัวเองแล้ว เค้าเริ่มมีความคิดของเค้าเอง เราต้องฟังเค้าเยอะๆ ให้เค้าภูมิใจว่าเค้าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง เด็กวัยรุ่นต้องฟังเค้าก่อนแล้วค่อยๆ ตาม ค่อยๆ ตบๆ ค่อยๆเลี้ยง

ในวัยที่กำลังจะเป็นวัยรุ่นเริ่มมีหนุ่มๆ มาจีบรึยัง ?
เกริก : มีแล้ว ไม่กล้าเจอหน้าผมหรอก เตะกระสอบทรายโชว์ใน IG ตลอดเลย เตะให้เด็กมันดู ก็ไม่ได้หวงอะไรมาก แต่อย่าทะลึ่ง (ยิ้ม)



เห็นว่าลูกคนโตกำลังจะเป็นศิลปิน ?
เกริก : เค้าชอบร้องเพลง มีค่ายเพลงมาขอฟังเสียงแล้วเค้าก็ไปอัดเสียงใส่โทรศัพท์แล้วส่งมาให้ผมฟัง

สังกัดที่เซ็นเป็นพี่ใหญ่ในวงการเลย ?
เกริก : ของ Universal น่าจะได้เริ่มทำงานเดือนหน้า

พี่ดังขนาดนี้พี่ห่วงมั้ยว่าคนจะเรียกว่าเค้าเป็นเด็กเส้น ?
เกริก : ไม่ เพราะว่าเค้าไม่ได้ถูกทาบทามเข้าค่ายเพลงเพราะว่าผมเลย ทุกสิ่งทุกอย่างผมบอกให้เค้าทำด้วยตนเอง ถ้าหนูอยากเป็นศิลปินให้ร้องเพลงลง IG ของหนู ถ้าหนูของจริงเดี๋ยวมีคนมาเห็นเอง ถ้าหนูของไม่จริงมันก็ต้องฝึกกันต่อไป แล้ววันนึงมันก็มาหาเค้าเอง ผมไม่ได้ไปยุ่งอะไรเอง เพราะผมมาด้วยตัวของเค้าเอง ไม่เคยมีใครจูงมือผมเข้ามา ผมมาถึงตอนนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างได้ ผมภาคภูมิใจ ผมอยากให้ลูกภาคภูมิใจเหมือนกับผม



พี่สอนลูกยังไงในโลกยุคใหม่ที่เราเป็นคนสาธารณะที่คนสามารถเข้ามาคอมเมนต์ดราม่ากันได้ง่ายๆ ?
เกริก : ลูกผมรู้ดีกว่าผมอีก เวลาผมอ่านคอมเมนต์คนไม่ชอบผม แล้วเข้ามาด่าผม เค้าบอกว่าคนรุ่นใหม่เค้าไม่อ่านคอมเมนต์กันหรอก เค้าโพสต์แล้วเค้าก็ไป อย่าอ่านคอมเมนต์เพราะว่าคนมันเยอะหลากหลาย ใครคิดแบบไหนก็ได้กับเรา มีทั้งคนรักและคนเกลียด เพราะเค้าเกิดมากับยุคโซเชียล