เลข13 นำโชคโควิด เปิดสูตรจัดหนักฟาวิพิราเวียร์

2020-04-23 21:00:02

เลข13 นำโชคโควิด  เปิดสูตรจัดหนักฟาวิพิราเวียร์

Advertisement




เลข13 ไม่ถูกโฉลกกับบางกลุ่ม แต่ที่เมืองไทย ในชั่วโมงที่โควิด-19 ระบาดทั่วโลก เลขนี้ถือว่านำโชค


รายงานผู้ป่วยใหม่วันที่ 23 เม.ย.63 มี 13 คน ยอดสะสมเป็น 2,839 คน มีคนที่หายแล้วให้กลับบ้าน 78 คน รวม 2,430 คน หรือ 85.5% ที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 359 คน




มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 78 ปี มีโรคประจำตัว โรคหลอดเลือดสมอง และไทรอยด์ เข้ารักษาตัวในหอผู้ป่วยวิกฤติโรงพยาบาลเอกชนด้วยโรคหลอดเลือดสมองและติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ต่อมามีไข้ ปอดบวม ตรวจพบเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตวันที่ 21 เม.ย.63 เป็นรายที่ 50


เทียบกับทั้งโลก มีผู้ป่วย 2,634,529 ราย เสียชีวิต 184,021 ราย ประเทศที่มีผู้ป่วยมากสุด 3 อันดับแรก สหรัฐอเมริกา ผู้ป่วย 848,115 ราย เสียชีวิต 47,639 ราย สเปน ผู้ป่วย 208,389 ราย เสียชีวิต 21,717 ราย อิตาลี ผู้ป่วย187,327 ราย เสียชีวิต 25,085 ราย


ข้อมูลการป่วยและการเสียชีวิตในประเทศ ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน พบว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นคนวัยหนุ่มสาว แต่คนที่อาการหนักและถึงแก่ชีวิตเป็นผู้สูงอายุ


ผู้ป่วยที่พบวันนี้ เป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า 5 ราย ไปในที่ชุมนุมชน ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 1 ราย กลับจากต่างประเทศ 1 ราย อาชีพเสี่ยงเป็นพนักงานไปรษณีย์และข้าราชการทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ อย่างละ 1 ตรวจพบก่อนการผ่าตัด 1 กับค้นหาในเชิงรุกที่ จ.ภูเก็ตเจออีก 3




การตรวจเชิงรุกที่ภูเก็ตเป็นการขยายเขตจากชุมชนเดิมออกไป เพื่อค้นหาความเสี่ยงของประชากรในพื้นที่


ในกรุงเทพ ก็ออกตรวจเชิงรุกย่านเขตบางเขน ซึ่งเป็นพื้นที่พบการระบาด จากสนามมวยลุมพินี ถนนรามอินทรา โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างที่สัมผัสชุมชนอย่างแท้จริง เช่น คนงานเก็บขนขยะ แม่ค้าตลาดขายอาหารสด อาชีพส่งของ พนักงานขับรถเมล์ ขสมก.และรถแท็กซี่ เพื่อให้ได้ข้อมูลว่าที่ผู้ป่วยใหม่ลดลงในขณะนี้ ในระดับพื้นที่ลดลงจริงหรือไม่ และหากมีการผ่อนคลายกฎ มีการเดินทาง ประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้คล่อง จะมีความเสี่ยงหรือไม่


การตรวจเชิงรุกกับกลุ่มตัวอย่าง 1,876 ราย พบผู้ติดเชื้อเพียง 1 ราย

ข้อมูลนี้ทำให้คุณหมอมั่นใจว่า การลดลงเกิดขึ้นจริง สัปดาห์หน้าจะไปค้นหาต่อที่เขตคลองเตย


มีความสงสัยกันอีกว่า จำนวนผู้ป่วยที่ลดลงและหายกลับบ้านได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะเหตุใด


รายงานของกรมควบคุมโรค อธิบาย ว่า การปรับเปลี่ยนวิธีรักษาและการจ่ายยาเป็นส่วนสำคัญ ที่ผ่านมา ปรับการให้ยามาแล้ว 3 ครั้ง โดยให้ยาฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir) กับคนไข้เร็วขึ้น ประกอบกับการตรวจในห้องปฏิบัติการที่เร็วขึ้น จึงช่วยจัดการกับไวรัสได้สำเร็จ


สำหรับตัวยา ซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิด เช่นไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เหลือง และยังช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส และทำให้มันตาย ประเทศไทยนำเข้ามาแล้ว 5 ครั้ง รวม 187,000 เม็ด ใช้รักษาผู้ป่วยไปแล้ว 682 ราย ยังมีเหลือในสต็อกอีก 30,000 เม็ด ขณะนี้ได้สั่งซื้อจากประเทศจีนและญี่ปุ่นอีกราว 300,000 เม็ด ซึ่งจะทำมียาใช้ไม่ขาดแคลน


แม้จะจัดการจนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง พร้อมกับรักษาผู้ป่วยให้หายได้มากขึ้น แต่สิ่งที่จะต้องเฝ้าระวัง คือการนำเข้ามากับคนที่เดินทางจากต่างประเทศ




เมื่อมองไปข้างหน้า มีความจริงที่ต้องยอมรับว่า มาตรการเว้นระยะห่างทางกายภาพ (Physical Distancing) เป็นสิ่งที่จัดการได้ยาก


การรับมือรับการระบาดวงใหญ่ที่อาจมึขึ้นจึงต้องคิดเผื่อไว้ด้วย


อยากให้คลายล็อกเร็วไว อาจได้ของแถมที่ไม่พึงประสงค์


เอามะ.!