กกต.ระบุยังไม่มีความชัดเจนกรอบ 150 วันจัดการเลือกตั้ง หลังกฎหมายลูก 4 ฉบับเสร็จสิ้น เตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจจัดเลือกตั้งท้องถิ่น และอำนาจยับยั้งเลือกตั้งโดย กกต.คนเดียวหากพบทุจริต
เมื่อวันที่ 14 ก.ย.นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงภายหลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ว่า ด้วยผลของกฎหมายทำให้วันนี้ กกต.ประจำจังหวัดที่ทำหน้าที่อยู่ต้องสิ้นสภาพในทันทีและถูกกำกับดูแลโดยผู้อำนวยการจังหวัด ในขณะที่ กกต.ส่วนกลางแม้จะยังทำหน้าที่ต่อจนกว่าจะได้ กกต.ชุดใหม่มา แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการทางนโยบายได้ ซึ่งหลังจากนี้ กกต.รักษาการจะทำหน้าที่ในขอบเขตที่จำเป็นเท่านั้น โดยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายต้องรอให้มีกรรมการชุดใหม่มาทำหน้าที่
ส่วนข้อสงสัยที่ว่า กกต.ชุดปัจจุบันจะปฏิบัติหน้าที่นานแค่ไหนจนกว่าจะได้ กกต.ชุดใหม่ นายสมชัย กล่าวว่า กรอบเวลาทั้งหมดจะเริ่มจากการตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อหาบุคลากรที่ตรงตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาเป็น กกต.ใน 90 วัน ต่อมาเมื่อได้รายชื่อแล้ว สนช.จะนำมาพิจารณาว่าบุคคลที่เลือกมานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งใช้เวลาอีก 45 วัน และเมื่อตรวจสอบคุณสมบัติและรับรองโดย สนช.แล้ว บุคคลที่ถูกเลือกก็ต้องดำเนินการลาออกจากงานเดิมใน 15 วัน จากนั้นจะนำรายชื่อทูลเกล้าฯต่อไป ซึ่งกรอบเวลาในการโปรดเกล้าฯนั้นไม่สามารถดกำหนดได้ แต่อาจประเมินไว้ที่ 20-30 วัน รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน
นายสมชัย ได้กล่าวด้วยว่า หากกระบวนการสรรหากรรมการ กกต.ถูกตีตกโดย สนช.ก็ต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็ต้องขยายเวลาออกไปอีก ส่วนกรอบระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วันนั้น หลังกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับกระกาศใช้ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนขณะนี้ ว่า จะต้องจัดการเลือกตั้งรวมประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 150 วัน หรือ จัดการเลือกตั้งใน 150 วันให้ได้ ส.ส.ร้อยละ 95 เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาได้ โดยก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือถึง กรธ.และ สำนักงานกฤษฎีกา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ซึ่ง กกต.ก็จะต้องมีการหารือภายในวันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ ว่าจะส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรับธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ รวมถึงประเด็นกฎหมาย กกต. 2 ประเด็น คือ การตัดอำนาจจัดเลือกตั้งท้องถิ่น และ อำนาจ กกต. 1 คนสามารถระงับยับยั้งการเลือกตั้งหากพบทุจริต