นายเจิ้ง ชวง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในวันอังคารว่า รัฐบาลจีนรับรู้รายงานเกี่ยวกับสุขภาพของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แต่ไม่มีแหล่งข่าว โดยเจิ้งแถลงระหว่างแถลงข่าวรายวัน และไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน โตชิมิสึ โมเตกิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ก็แถลงว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และวิเคราะห์รายงานข่าวของสื่อ หลังมีสื่อมวลชนหลายสำนัก รายงานว่า คิม จอง อึน ผ่าตัดระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยซีเอ็นเอ็น อ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐที่รู้เรื่องโดยตรงว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังตรวจสอบข่าวกรองว่า คิม จอง อึน ตกอยู่ในภาวะอันตรายร้ายแรงหรือไม่ หลังการผ่าตัด ขณะที่ แหล่งข่าว 2 แห่งในเกาหลีใต้ ปฏิเสธรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็น เช่นเดียวกับแหล่งข่าวของจีน ก็ระบุว่า พวกเขาไม่เชื่อว่า คิม จอง อึน ป่วยหนัก
ส่วนตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนยันเมื่อวันอังคารระหว่างแถลงข่าวรายวันว่า สหรัฐไม่รู้อาการของคิม จอง อึนว่าเป็นอย่างไร จะต้องดูสถานการณ์กันต่อไป ทรัมป์ บอกว่า เขามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับคิม จอง อึน แต่เขาไม่รู้ว่าคิม จอง อึน เป็นอย่างไร ได้แต่ปรารถนาให้เขาสบายดี
คิม จอง อึน เป็นผู้นำประเทศสืบทอดสายเลือดรุ่นที่ 3 ในการปกครองเกาหลีเหนือด้วยกำปั้นเหล็ก ก้าวขึ้นสู่อำนาจหลังบิดาของเขา คือนายคิม จอง อิล ถึงแก่อสัญกรรมในปี 2554 จากโรคหัวใจล้มเหลว เขาเป็นผู้บัญชาการที่มีอำนาจชี้ขาดเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเขาให้ล้มเลิกในการประชุมสุดยอดในปี 2561 และ 2562 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
คิม จอง อึน ขอให้นานาชาติผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศของเขา แต่ปฏิเสธที่จะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ ทรัมป์บอกว่า คิม จอง อึน เป็นเพื่อนคนหนึ่ง แต่ปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐกับผู้นำเกาหลีเหนือ ล้มเหลวที่จะชะลอโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของคิม จอง อึน ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ
กระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับสุขภาพของคิม จอง อึน เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเขาไม่ได้ปรากฏตัวเข้าร่วมพิธีฉลองครบรอบวันเกิดของคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ และมีศักดิ์เป็นปู่ของคิม เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา
สำนักข่าวเกาหลีเหนือ เคซีเอ็นเอ ก็ปิดปากเงียบ ไม่ได้รายงานข่าวว่า ผู้นำเกาหลีเหนืออยู่ที่ไหน ในการรายงานข่าวรายวันเมื่อวันอังคาร แต่บอกว่า เขาได้ส่งของขวัญวันเกิดให้กับบุคคลสำคัญหลายคน
เกาหลีเหนือไม่เคยแถลงเลยว่า ใครจะก้าวขึ้นมาสืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อจากคิม จอง อึน ในกรณีที่เขาไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ และยังไม่เคยมีรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับลูกที่ยังเล็กอยู่ของเขาด้วย บรรดานักวิเคราะห์ กล่าวว่า น้องสาวและผู้ภักดีของเขา สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนได้ จนกว่า ทายาทจะมีอายุมากพอในการขึ้นดำรงตำแหน่ง
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้และจีน ต่างเคลือบแคลงสงสัยรายงานข่าวที่ว่า คิม จอง อึน ป่วยหนักหลังผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดและไม่ได้ปรากฏตัวในพิธีสำคัญ จุดชนวนให้เกิดกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับสุขภาพของเขาขึ้นมาทันที ขณะเดียวกัน รายงานของสื่อก็จุดชนวนคำถามว่า แล้วใครจะเข้ามารับตำแหน่งต่อจากเขา หากคิม จอง อึน ผู้นำหนุ่มวัย 36 ปี ป่วยหนักหรือถึงแก่อสัญกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูรายชื่อบุคคลสำคัญในเส้นทางที่จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำเกาหลีเหนือ และบทบาทต่าง ๆ ที่บุคคลเหล่านี้อาจได้รับในอนาคตหากมีการถ่ายโอนอำนาจ มีรายชื่อที่โดดเด่นน่าสนใจอยู่หลายคน เริ่มที่ คิม โย จอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จอง อึน เจ้าของฉายา “อีวานกาแห่งเกาหลีเหนือ” ที่ติดตามพี่ชายเป็นเงาตามตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เธอดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการคณะกรรมการกลางที่ทรงอิทธิพลของพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือด้วย และยังเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่ของพี่ชาย แต่ไม่เป็นทางการ นอกจากนี้ เธอยังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมาชิกสำรองของคณะกรรมการกลาง หรือโปลิตบูโร ของพรรคแรงงานในช่วงต้นเดือนนี้ด้วย ซึ่งมีโอกาสที่เธอจะไต่เต้าขึ้นเป็นผู้นำ
คิม โย จอง ซึ่งเชื่อว่ามีอายุ 31 ปี ปฏิบัติหน้าที่สำคัญของพรรค ถือเป็นผู้มีอำนาจรองจากคิม จอง อึน ผู้พี่
โช ระยอง แฮ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ “นอมินี” หรือเป็นผู้นำพิธีการของเกาหลีเหนือเมื่อปีที่แล้ว เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะบริหารสูงสุดของสมัชชาประชาชนสูงสุด เขามีบทบาทสำคัญกับพรรคแรงงานของรัฐบาลเกาหลีเหนือมานานหลายสิบปี ก่อนหน้านี้ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายการเมืองที่ทรงอิทธิพลของกองทัพเกาหลีเหนือภายใต้การนำของคิม จอง อึน
เขาและปัค ปอง จู เพื่อนสมาชิกในโปลิบูโร และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับหน้าที่ผลักดันการเปิดตลาดเสรีเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดูเหมือนว่าจะเป็นบุคคลสำคัญที่มีแนวโน้มว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้เหมือนกัน
อีกคน คิม คะยอง ฮุย เคยเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในบุคคลใกล้ชิดของผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงที่คิม จอง อิล พี่ชายของเธอ บริหารประเทศ แต่ปัจจุบันนี้ เธอไม่ค่อยได้ปรากฏตัวแล้ว ตั้งแต่จาง ซอง แท็ค สามีของเธอ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นชายที่มีอิทธิพลที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ถูกคิม จอง อึน ประหารชีวิตในปี 2556 เธอล้มป่วยมานาน แต่ก็ปรากฏตัวในช่วงสั้น ๆ เมื่อต้นปีนี้ ระหว่างร่วมงานกาลาพร้อมกับคิม จอง อึน ผู้เป็นหลานด้วย
มาที่ คิม ฮัน ซอล วัย 24 ปี ลูกชายของคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของคิม จอง อึน ที่ถูกลอบสังหารโดยสายลับเกาหลีเหนือ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในปี 2560 คาดว่ายังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ
สำหรับคิม จอง อึน เชื่อว่ามีลูก 3 คน กับรี ซอล จู ภรรยา โดยคนเล็กสุดเกิดในปี 2560 จากข้อมูลของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ ส่วนคนโตเป็นลูกชายวัย 10 ขวบ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า คนใดคนหนึ่งใน 3 คนนี้ ต้องได้รับความช่วยเหลือฟูมฟักจากญาติ หรือผู้พิทักษ์ทางการเมือง หากจะเป็นผู้นำรุ่นที่ 4 ต่อไป
คิม จอง อิล ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีนานถึง 20 ปีก่อนก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ขณะที่ คิม จอง อึน มีเวลาเพียงปีเดียว เนื่องจากบิดาเสียชีวิตกะทันหันจากโรคหลอดเลือกสมอง และขึ้นเป็นผู้นำประเทศทันที