พ่อเลี้ยงเดี่ยว “โจอี้ บาซู” เผยโรคร้ายคร่าภรรยากะทันหัน

2017-09-14 14:55:50

พ่อเลี้ยงเดี่ยว “โจอี้ บาซู” เผยโรคร้ายคร่าภรรยากะทันหัน

Advertisement

โธ่เอ๊ย ไหนบอกให้แม่มาขอ ไอ้เราก็รอร้อ ซะจนอ่อนใจ
อะโด่เอ๊ย ไหนบอกให้แม่มาขอ ปล่อยเราให้รอ รอซะจนน้ำตาตกใน ...

ท่อนเพลงสุดฮิต กับท่าเต้นแหวกแนววัยรุ่น ในยุค 90 ทำเอาชื่อเสียงโด่งดังกันไป สำหรับ "โจอี้ บาซู" หรือ สุรเดช ทับทิมใส ซึ่งทุกวันนี้ตัวเค้าได้พลิกผันจากการเป็นศิลปินนักร้อง มาเป็นนักธุรกิจ เปิดบริษัทผลิตคอสเมติก และยังเป็นประธานบริษัทที่ประเทศเกาหลีอีกด้วย ล่าสุดโจอี้ได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยเช้า Show ทางช่อง one 31 เล่าชีวิตครอบครัวสุดเอ็กซคลูซีฟ ว่าตัวเค้านั้นเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพังถึง 5 คน ส่วนภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนั้น ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่จะมาจากสาเหตุอะไร ต้องไปฟังจากปากเจ้าตัวเอง





ลูก 5 คนเป็นเรื่องจริงไหม ?
“ใช่ครับ เป็นลูกบุญธรรม 4 คน และลูกตัวเอง 1 คน อายุ 18 แล้วครับ ชื่อน้องณัชชา ซึ่งแต่ละคนจะมีที่มาแตกต่างกันไป”



มีข่าวออกมาว่า "โจอี้ บาซู" ตกอับ จริงไหม?
“จริงๆ ให้เค้ารู้แค่นั้นพอมั้ง ไม่อยากให้รู้เยอะ”

ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่?
“(ยิ้ม) ผมเป็นประธานบอร์ด เซาท์ อีส เอเชีย ของบริษัท เวิล์ด วีเทค ที่เกาหลีครับ ก็พัฒนาซอฟต์แวร์อยู่ที่โน่น ดูแล 57 ประเทศ บินไปกลับเมืองไทยตลอด ทำงานมา 12 ปีแล้วครับ เอาจริงๆ เราไม่ได้ชื่นชอบอะไร เพราะเราไม่ได้เรียนทางด้านวิศวะมา แต่ว่าเราไปเกิดไอเดียตรงโปรดักส์ที่เค้าเอามาพรีเซนต์เราตอนแรก ด้วยอาชีพที่ผมเคยทำแต่ก่อน ก็คืองานอีเวนต์ คราวนี้เราก็คิดว่ามันน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ เลยเอานั่งคุยกัน และศึกษากันมาตลอด”





สาเหตุที่รับอุปการะเด็ก 4 คน เริ่มต้นมาจากอะไร?
“มันเริ่มจากความเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน เรารู้จักกัน แล้วบางทีน้องๆ ที่เค้ามีปัญหาครอบครัว เราไม่รู้จะช่วยยังไง เลยช่วยได้เท่านี้ ผมไปเซ็นเป็นพ่อ อุ้มออกมาจากโรงพยาบาลเลย ถูกต้องตามกฎหมาย”

แล้วลูกสาวคนโต เราไปมีตอนไหน?
“ผมมีก่อนเป็นบาซูอีก จริงๆ ผมเป็นคนที่ไม่เคยปิด แต่ไม่มีใครเคยถามเลย เพราะไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันตลอด แฟนคลับที่สนิทก็รู้ ถามว่าหวงลูกสาวมั้ย ก็หวงในสิ่งที่อยู่ในกรอบ ถ้านอกกรอบเราก็จะสอนให้เค้ารู้วิธีว่าเค้าจะรับผิดชอบยังไง”





ลูกสาวคนโตเราโอเคไหม กับการที่เรามีน้องๆ บุญธรรมมาอีก 4 คน?
“สิ่งสำคัญคือเราสอนเค้าตั้งแต่เด็ก ในเรื่องที่ควรจะมี นั่นก็คือจิตสำนึกที่ดีที่ควรจะมี ถ้าคุณมีในส่วนนี้คุณจะลืมเรื่องที่เป็นลบทั้งหมด ผมไม่อยากให้เค้ามาเป็นเหมือนเรา เราอาจจะมีปมเล็กๆ ในวัยเด็ก อาจจะเป็นเรื่องผิว เรื่องความกำพร้า ถามว่าคิดจะตามหาพ่อมั้ย มันไม่มีผล เพราะการตามหามันมีแค่ 2 คำ ซึ่งถ้าเป็นวัฒนธรรมไทย เราไม่มีตรงนี้ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ เค้าจะถามกลับมาเลยว่า So What? แล้วยังไง เจอแล้วทำยังไงเหรอ?”

เราอุปการะ ลูกคนที่ 2 แล้ว แล้วอีก 3 คนล่ะ มันเริ่มจากจุดไหน?
“หนึ่งคือความต้องการที่เค้าขาด นั่นคือเราไปเติมให้เค้า เราไปเติมตรงที่เค้าขาดมากกว่า ฉะนั้นจะทำยังไงในสิ่งที่เราเติมให้เค้าได้ ในจุดที่เค้าขาดหายไป เหมือนที่เราเคยเป็น”





สูญเสียภรรยาเมื่อปีที่แล้ว เกิดอะไรขึ้น?

“เป็นโรคประจำตัว โรคหัวใจครับ ความจริงเค้าเป็นมานานแล้ว เราทำบริษัทที่เกี่ยวกับอาหารเสริม คอสเมติก ทำสบู่ แล้วแฟนผมเป็นคนดูแล การที่เราทำพวกโรงงานหรือผลิตแบบนี้ มันจะต้องมีการเทสต์สินค้า ลูกค้ามีเป็นร้อยเจ้า แฟนผมเค้าจะเป็นคนที่ลองเทสต์เอง ที่จริงเรามีฝ่ายเทสต์ ฝ่ายดูแล แต่ด้วยความที่เค้าจะต้องเอารายละเอียดไปคุยกับลูกค้า เค้าจะต้องเป็นคนเทสต์เอง เราจะพลาดไม่ได้เลย”

ตอนที่ภรรยาเริ่มป่วย เริ่มไปหาหมอ จนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันนานไหม?
“ช่วงแรกๆ ไปๆ กลับๆ เพราะว่าเราต้องไปเช็กร่างกายต่อเนื่อง พอสุดท้ายเค้าไป เค้าก็ไปเลยกะทันหัน หัวใจหยุดเต้น ผมก็อยู่ คุณหมอก็พยายามช่วย ปั๊มหัวใจแล้วฟื้นมาประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ได้มีโอกาสคุยกันจนถึงวินาทีสุดท้าย”



คิดไหมว่านี่อาจจะเป็นช่วงเวลานาทีสุดท้าย?
“เราก็พยายามให้กำลังใจให้เค้าอดทนสู้นะ สิ่งที่เค้าพูดกับเราก็คือฝากดูแลลูก ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทำยังไง”

วินาทีที่ใกล้จะครบครึ่งชั่วโมง เรารู้สึกยังไง?
“คุณหมอบอกว่าให้เปิดชินบัญชรให้เค้าฟัง ซึ่งผมก็เปิดนะครับ แต่เปิดได้ไม่นานแล้วแบตโทรศัพท์หมด แล้วเค้าก็ไปเลย ผมทำได้แค่นั้นจริงๆ สิ่งที่คิดจุดแรกก็คือรับไม่ได้ เราก็อยู่กับลูกสองคน พยายามคุยกับเค้าว่า เราคงใช้ความเข้มแข็งไม่พอ”



หยุดการทำงานไป 2 เดือน?
“ครับ มันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำอะไรต่อ แล้วมันมีมรสุมทุกอย่างตามมา พอไม่มีเค้าอยู่ดูบริษัทแล้ว ลูกค้าก็เปลี่ยนพฤติกรรม ชิ่งออกไปเป็นร้อย แล้วเรื่องประกันยิบย่อยอีกเยอะ”


แล้วตอนนี้บริษัทยังอยู่ไหม?​
“ยังอยู่ครับ ผมดึงกลับมาแล้วมาทำเอง”