เหยื่อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐทะลุ 40,000 คน

2020-04-20 07:35:15

เหยื่อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐทะลุ 40,000 คน

Advertisement


จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในสหรัฐ พุ่งขึ้นเป็นมากกว่า 40,000 คนแล้วในวันอาทิตย์ จากข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์และสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยอเมริกามีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลก และเพิ่มขึ้นมากกว่าอันดับ 2 คือ อิตาลีเกือบ 2 เท่า ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจาก 30,000 คน เป็น 40,000 คน ในระยะเวลาเพียง 4 วัน ทั้งนี้ สหรัฐใช้เวลา 38 วันหลังชาวอเมริกันคนแรกที่เสียชีวิตจากไวรัสมรณะ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10,000 คนในวันที่ 6 เมษายน แต่อีก 5 วันเท่านั้น ตัวเลขก็พุ่งขึ้นเป็น 20,000 คน

แต่ขณะนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ 755,533 คน ซึ่งมากที่สุดในโลกเช่นกัน และเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 40,461 คน ส่วนอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดหนักที่สุดในโลกเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 23,660 คน และติดเชื้อทั่วประเทศ 178,972 คน ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อ ถูกสเปนแซงหน้าขึ้นไปเป็นที่ 2 รองจากสหรัฐแล้ว โดยสเปนมีผู้ติดเชื้อถึง 196,664 คน และเสียชีวิต 20,595 คน ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ มากกว่า 2,400,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 165,000 คน



แต่ก็มีข่าวในเชิงบวกอยู่บ้าง เมื่อพบว่าแนวโน้มการระบาดลดลงในรัฐนิวยอร์ก ศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐ ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อถูกส่งเข้าโรงพยาบาล ขณะนี้ ลดลงประมาณ 2,000 คน อยู่ที่ 16,000 คน จากระดับสูงสุด 18,000 คน เสียชีวิตรายใหม่ 507 คน น้อยลงเมื่อเทียบกับสถิติก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่มากกว่า 700 คนต่อวัน นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็ลดลงด้วย สถิติดังกล่าว ทำให้นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่า สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะฉลอง เพราะยังต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่า ตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตต้องลดลงต่อเนื่อง นิวยอร์กจะตรวจหาเชื้อในประชาชน 2,000 คนต่อวัน หรือ 14,000 คนต่อสัปดาห์ จากจำนวนประชากรในรัฐ 19 ล้านคน

ระหว่างการแถลงข่าวในวันอาทิตย์ นายคูโอโม ประกาศว่า รัฐนิวยอร์ก และอีกหลายรัฐทั่วประเทศ จะรณรงค์ตรวจหาผู้ติดเชื้อรายใหม่และตรวจเพื่อหาภูมิคุ้มกันให้มากขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปิดเศรษฐกิจของรัฐอีกครั้ง นายคูโอโม เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ว่าการรัฐ ที่คัดค้านหัวชนฝาต่อแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ที่จะบังคับให้รัฐต่าง ๆ ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ และเปิดเศรษฐกิจใหม่ โดยแนวทางของทรัมป์ แนะนำว่า ควรจะค่อย ๆ เริ่มคลายมาตรการล็อคดาวน์ลง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงมาก



อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงต่อต้านทรัมป์ แต่ก็มีหลายรัฐ ซึ่งรวมทั้งรัฐโอไฮโอ, เทกซัสและฟลอริดา ประกาศแผนการเริ่มยกเลิกการกักบริเวณประชาชน จากวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป หรืออาจก่อนด้วย แม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากจากการระบาดของโควิด-19

บรรดาผู้ว่าการรัฐที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดของไวรัส ขัดแย้งโต้เถียงกับประธานาธิบดีทรัมป์ กรณีที่เขาอ้างว่า พวกเขาได้ตรวจหาเชื้ออย่างเพียงพอแล้วและควรจะเปิดเศรษฐกิจใหม่โดยเร็ว เพราะมีประชาชนออกมาประท้วงมากขึ้นเพื่อต่อต้านการขยายคำสั่งพักอยู่กับบ้าน หรือ stay-at-home

ส่วนการประท้วงเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการ stay-at-home ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐดิ่งเหวนั้น ปะทุขึ้นในรัฐเทกซัส, วิสคอนซินและเมืองเอกของรัฐโอไฮโอ, มินนิโซตา, มิชิแกนและเวอร์จิเนีย ขณะที่มีชาวอเมริกันมากกว่า 22 ล้านคน ร่วมลงชื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทรัมป์เอง ก็รู้ว่าการทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว จะเป็นผลดีที่สุดสำหรับการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขาในเดือนพฤศจิกายนนี้