ทรัมป์ยันตรวจโควิด-19 ไขข้อสงสัยหลุดจากห้องแล็บจีนหรือไม่

2020-04-16 11:50:47

ทรัมป์ยันตรวจโควิด-19 ไขข้อสงสัยหลุดจากห้องแล็บจีนหรือไม่

Advertisement


พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กระทรวงกลาโหมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า กองทัพสหรัฐ ตรวจสอบ “หนักมาก” เกี่ยวกับกระแสข่าวลือที่ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า SARS-CoV-2 ซึ่งมีค้างคาวเป็นพาหะ หลุดมาจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ภาคกลางของจีน แต่จนถึงขณะนี้ หลักฐานยังไม่มีผลสรุปแน่ชัด แต่ชี้ไปว่า ไวรัสเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

“มันไม่น่าจะสร้างความประหลาดใจอะไรต่อทุกคน ที่กองทัพให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างมาก และเราต้องหาข้อมูลข่าวกรองมากมายเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง” พลเอกมาร์ค มิลลีย์ แถลงข่าว หลังจากในช่วงเช้าของวันเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ของสหรัฐ รายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เคยแสดงความวิตกกังวล เมื่อปี พ.ศ. 2561 เกี่ยวกับการทดลองวิจัยที่ “เสี่ยงอันตราย” ในจีน หลังได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐหลายคน ที่ไปเยือนสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น หรือ ดับเบิลยูไอวี (Wuhan Institute of Virology : WIV) ในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลาง หลายครั้ง ซึ่งขณะนั้น สถาบันแห่งนี้กำลังทำการวิจัยเชื้อไวรัสโคโรนาในค้างคาว ที่อาจมีการแพร่เชื้อไวรัสสู่มนุษย์ได้



เจ้าหน้าที่การทูต ได้แจ้งเตือนไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในช่วงเดือน ม.ค. 2561 ว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ไม่มีมาตรการด้านความปลอดภัยเพียงพอ ขาดแคลนช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดใหญ่ครั้งใหม่ คล้ายกับไวรัสโรคซาร์ส หรือกลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง เมื่อปลายปี พ.ศ. 2545 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อประมาณ 8,000 คน และเสียชีวิต 744 คน แต่ไวรัสโควิด-19 จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วเกิน 2 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 137,000 คน

นอกจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น แล้วเจ้าหน้าที่สหรัฐยังสงสัย ศูนย์ควบคุมโรคอู่ฮั่น (Wuhan Center for Disease Control) อาจจะเป็นต้นตอการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เช่นกัน



ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา นายจ้าว หลี่เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะมาจากสหรัฐ ส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในกรุงวอชิงตัน เรียกเอกอัครราชทูตจีนประจำอเมริกาเข้าพบ เพื่อขอคำชี้แจง แต่ประเด็นนี้ ท่าทีของรัฐบาลจีนในกรุงปักกิ่ง ทั้งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธคำพูดของจ้าว

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แถลงเมื่อวันพุธว่า รัฐบาลของเขากำลังค้นหาความจริงว่า ไวรัสโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการ หรือห้องแล็บแห่งใดแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นหรือไม่ ซึ่งแหล่งที่มาของไวรัสยังเป็นปริศนาดำมืด แม้ว่าหน่วยข่าวกองสหรัฐ จะบอกว่า ดูเหมือนว่าไวรัสจะเกิดเองตามธรรมชาติ

สำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ รายงานเมื่อวันพุธว่า ไวรัสโควิด-19 มีต้นตออยู่ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ไม่ใช่อาวุธชีวภาพ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่า จีนมีขีดความสามารถเท่าเทียมหรือมากกว่าสหรัฐในการควบคุมเชื้อไวรัส รายงานชิ้นนี้และรายงานจากแหล่งอื่น ๆ อีกหลายชิ้น ระบุว่า ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในเมืองอู่ฮั่น ที่ทำการทดลองและวิจัยไวรัส และไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย อาจทำให้เจ้าหน้าที่บางคนคิดเชื้อ และนำไปแพร่กระจายในตลาดสดในพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนที่จะเริ่มต้นการระบาดใหญ่

ทรัมป์ ซึ่งแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ถูกถามเกี่ยวกับรายงานเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลุดออกจากห้องแล็บในเมืองอู่ฮั่น และกล่าวว่า เขารับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และกำลังทำการตรวจสอบสถานการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นนี้อย่างจริงจัง



เมื่อถูกถามอีกว่า เขาได้หยิบยกเรื่องนี้ ขึ้นมาพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนหรือไม่ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการหารืออะไรที่เกี่ยวกับห้องแล็บกับผู้นำจีน ซึ่งมันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ทรัมป์เองพยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์กับจีนให้แนบแน่นขึ้นระหว่างการระบาดของไวรัสมรณะ เพราะสหรัฐต้องพึ่งพาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลจากจีน ที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐในการต่อสู้กับไวรัส

ขณะที่ นายปอมเปโอ ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์หลังทรัมป์แถลงข่าวว่า สหรัฐรู้ว่า ไวรัสชนิดนี้มีต้นตอยู่ในเมืองอู่ฮั่น และว่า สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น ก็อยู่ห่างจากตลาดสดเมืองอู่ฮั่นไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น จริง ๆ แล้ว สหรัฐต้องการให้รัฐบาลจีนเปิดใจกว้าง และช่วยอธิบายข้อเท็จจริงว่า ไวรัสแพร่ระบาดได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลจีนต้องชี้แจ้งให้ชัดเจน และต้องจริงใจกว่านี้

นอกจากนี้ ทรัมป์และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของสหรัฐ แสดงความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากไวรัสมรณะในจีน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3,000 คน ขณะที่ สหรัฐมีผู้เสียชีวิตพุ่งพรวดเกิน 30,000 คนไปแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทรัมป์กลับมาพูดประเด็นนี้อีกเมื่อวันพุธ โดยบอกว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น เพราะมีการรายงานมาก



“คุณเชื่อจำนวนผู้เสียชีวิตในประเทศกว้างใหญ่ไพศาลอย่างจีนจริง ๆ หรือ และว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่แท้จริง มีใครเชื่อตามที่จีนรายงาน?” ทรัมป์กล่าว