กรมสุขภาพจิตเตือนสติพ่อแม่เด็กพิเศษ

2017-09-12 22:55:27

กรมสุขภาพจิตเตือนสติพ่อแม่เด็กพิเศษ

Advertisement

กรมสุขภาพจิตระบุออทิสติกรักษาเร็วได้ผลเร็ว แนะครอบครัวเปิดใจยอมรับไม่มองเด็กเป็นส่วนเกิน พ่อแม่ต้องใช้สติในการแก้ไขปัญหา

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีแม่ทำร้ายลูกออทิสติกจนเสียชีวิต ว่า ผู้เป็นแม่อาจมีภาวะเครียดสะสม เนื่องจากปัญหาต่างๆ รุมเร้า เลี้ยงลูกที่มีอาการออทิสติกเพียงลำพัง ทั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีลูกเจ็บไข้ได้ป่วยย่อมมีความวิตกกังวลเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะในรายที่มีลูกเป็นออทิสติกเท่านั้น ขอย้ำว่า ออทิสติก รักษาเร็ว ได้ผลเร็ว เจอตอนอายุน้อยเท่าไร และได้รับการรักษาดูแลได้เร็ว ก็จะมีโอกาสที่จะดีขึ้นได้ และต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่หายขาดแต่เด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ ดีขึ้น ช่วยเหลือตนเองได้ เข้าโรงเรียนได้ตามวัย ตลอดจน การเปิดใจยอมรับของครอบครัวที่ไม่มองเด็กออทิสติกว่าเป็นส่วนเกินของครอบครัว และสังคม พร้อมจะทุ่มเท และสู้ไปด้วยกัน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เด็กออทิสติกมีโอกาสในการรักษา และสร้างพื้นที่ในสังคมเพิ่มขึ้น สัญญาณเตือน ได้แก่ “ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว”

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ได้มีนโยบาย ให้ทุกหน่วยบริการของกรมสุขภาพจิตต้องดูแลกลุ่มเด็กพิเศษ เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลแบบใกล้บ้าน ใกล้ใจ รวมทั้ง ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่พ่อแม่และคนรอบตัวเด็ก ตลอดจนส่งเสริมการเข้าสู่ระบบการคัดกรอง กระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่ ช่วงอายุ 9, 18, 30 และ 42 เดือน มีการจัดอบรมให้กับบุคลากรสาธารณสุขระดับทั้งแพทย์ กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการเด็ก พยาบาลวิชาชีพ นักจิตวิทยา นักกิจกรรมบำบัด ทั่วประเทศ เพื่อรองรับระบบการส่งต่อ ทำให้เกิดเชื่อมโยงทั้งด้านส่งเสริม ป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว




ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า แม้จะมีลูกที่มีความพิการหรือบกพร่องทางสติปัญญา หรือแตกต่างจากเด็กอื่น แต่หากตั้งหลักดีๆ จะรู้ว่าพวกเขาก็เป็นของขวัญที่ดีในชีวิตเช่นกัน พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจตัวโรค และการเปลี่ยนแปลงพัฒนาที่ดีในลูกให้ได้ แม้ว่าจะไม่เหมือนเด็กทั่วไป แต่เขาก็มีความพิเศษ มีความน่ารัก ทั้งนี้ สำหรับพ่อแม่ “สติ”ยังมีความสำคัญ ขอให้ใช้สติในการแก้ปัญหาตามลำดับความสำคัญ ซึ่งอยากวิงวอนให้ทุกครอบครัวที่มีลูกหลานเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษช่วยกันดูแลจิตใจซึ่งกันและกันและประคับประคองกันไป เพื่อให้ปัญหาที่หนักเป็นเบาได้ ส่วนที่เกี่ยวข้องทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ก็ควร