สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด19 ในสิงคโปร์ระลอกที่สอง เอาไม่อยู่จริงๆ
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของสิงคโปร์วันที่ 13 เม.ย. เพิ่มขึ้น 386 ราย รวมยอดสะสม 2,918 ราย ขึ้นลำดับที่สี่มีผู้ติดเชื้อโควิด -19 มากสุดของอาเซียน ขณะที่ไทย ซึ่งเคยอยู่ลำดับหนึ่งของอาเซียน ลงมาอันดับห้า มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,579 ราย สถิติการติดเชื้อรายวันของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงที่ผ่านมานับจากประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 26 มี.ค. ในช่วงใช้มาตราการเคอร์ฟิว ตัวเลขติดเชื้อก็มีการขยับลงอีก
สิงคโปร์ซึ่งเคยได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงแรก ระหว่างช่วงเดือนก.พ. ถึงกลางเดือนมี.ค. แต่จากช่วงกลางเดือนมี.ค. ถึงกลางเดือนเม.ย.สถานการณ์พลิกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
สาเหตุส่วนหนึ่งจากการพบผู้ติดเชื้อหลายกลุ่มในหอพักของผู้ใช้แรงงานต่างด้าวในสิงคโปร์ ที่มีกว่า 50,000คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียและบังคลาเทศ โดยเจ้าหน้าที่ พบปัญหาติดเชื้อจากสภาพที่อยู่อาศัยที่มีปัญหาเรื่องสุขอนามัย การอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทำให้การใช้ชีวิตในแนวทางSocial Distancing เว้นระยะห่างในการปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่สามารถดำเนินการได้เลย และถูกตั้งข้อสังเกตอาจเป็นสาเหตุการแพร่ระบาดครั้งใหม่
นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่จากคนสิงคโปร์ที่เดินทางกลับจากประเทศในยุโรปและอเมริกาในช่วงดังกล่าว ที่ไม่แสดงอาการในช่วงแรก แต่เป็นตัวพาหะ แพร่ไปติดคนใกล้ชิด การติดเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายกรณีไม่สามารถหาที่มาของการระบาดได้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลประกาศมาตราการ Circuit Breaker ตัดกระแสไฟฟ้ายุติการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ห้ามออกนอกบ้าน เว้นแต่จะมีกิจธุระที่จำเป็น ปิดโรงเรียน 1 เดือน ห้ามการชุมนุมรวมตัวทั้งในที่พักและกลางแจ้ง และให้ใช้มาตราการ Social Distancing อย่างเข้มงวดจริงจัง นายกรัฐมนตรี ลีเซียนลุงปราศรัยกับประชาชนสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ ชี้แจงถึงความจำเป็นที่ต้องใข้มาตราการที่เข้มข้นเพิ่มขึ้น คาดหวังจะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ บทความโดย เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าว NEW18