ในช่วงสุดสัปดาห์ สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (Australian Border Force – ABF) ได้ปฏิเสธคำร้องของบรรดาผู้ให้บริการเรือสำราญที่ขออยู่ในน่านน้ำของออสเตรเลียต่อไป ส่งผลให้เหล่าคนงานต้องกลับไปทำหน้าที่ลูกเรือเพื่อพาผู้โดยสารของพวกเขากลับสู่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย
เรือส่วนใหญ่จดทะเบียนเป็นสัญชาติที่ให้บริการแบบธงสะดวก (Flag of Convenience – FOC) ในประเทศอย่าง บาฮามาส ปานามา และมอลตา แทนที่จะจดทะเบียนในเขตอำนาจศาลภาษีที่สูงกว่าเช่นออสเตรเลีย
เรือเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้เติมเชื้อเพลิงและวัสดุต่างๆ ใหม่ในวันอังคาร ซึ่งในวันนั้น เรือส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจออกเดินทางไปแล้วหรืออยู่ระหว่างเตรียมตัวออกเดินทาง และยังเหลือเรืออีก 4 ลำที่คาดว่าจะออกเดินทางในวันพฤหัสบดี
ไมเคิล เอาต์แทรม สมาชิกคณะกรรมการสำนักงานฯ กล่าวว่า “เราได้ทำงานสำเร็จในการให้ลูกเรือราว 13,500 คนออกไปจากน่านน้ำในออสเตรเลีย” เรือสำราญที่มาเทียบท่ายังออสเตรเลียชุดนี้มีส่วนรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงต่อจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในออสเตรเลียที่สูงถึงราว 6,000 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 50 ราย
ในช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับเรือ “รูบี ปรินเซส” (Ruby Princess) ซึ่งได้รับอนุญาตให้จอดที่ซิดนีย์เมื่อเดือนที่แล้ว และได้ปล่อยผู้โดยสารติดไวัสหลายร้อยคนเข้ามายังพื้นที่ชุมชนของออสเตรเลีย เรือที่จอดอยู่ทางใต้ของซิดนีย์ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกมรายงานถึงสถานการณ์การระบาดที่อาจเกิดขึ้นว่ายังอยู่ภายใต้การควบคุม ก่อนจะมีคำสั่งให้เรือเหล่านั้นออกจากน่านน้ำออสเตรเลียโดยไม่มีข้อยกเว้น