"เทพไท"ยินดีบริจาคเงินเดือน ส.ส.เข้ากองทุนสู้โควิด-19

2020-04-09 09:57:30

"เทพไท"ยินดีบริจาคเงินเดือน ส.ส.เข้ากองทุนสู้โควิด-19

Advertisement

"เทพไท"ยินดีบริจาคเงินเดือน ส.ส.เข้ากองทุนสู้โควิด-19 ชี้เป็นสิทธิ์ ส.ส.ในการบริจาค ไม่ควรไปกดดัน แนะรัฐบาลใช้กลไกฝ่ายนิติบัญญัติ ช่วยเหลือประชาชนร่วมกับฝ่ายรัฐบาลจะทำให้ประสบผลสำเร็จมากกว่า

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระแสการเรียกร้องให้ ส.ส.และ ส.ว.บริจาคเงินเดือนเพื่อตั้งเป็นกองทุนสู้กับโควิด-19 ว่า ในส่วนของ ส.ส.นั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงความเห็นไว้แล้วว่า สภาฯ ยังไม่มีความคิดเรื่องการหักเงินเดือนของ ส.ส. เพราะ ส.ส.ดูแลประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งต่างกับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้ขอความร่วมมือให้ ส.ว.บริจาคเงินเดือนคนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทเข้ากองทุน ซึ่งทั้ง ส.ส.และ ส.ว.มีบริบททางการเมืองที่แตกต่างกันใน 3 ประการ คือ  1.เรื่องที่มา ส.ว.มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ไม่มีพื้นที่รับผิดชอบที่ชัดเจน ต่างกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีพื้นที่รับผิดชอบคือเขตเลือกตั้งของตนเอง  2.เรื่องบทบาท ส.ว.มีบทบาททางการเมืองแค่เป็นสภาผู้ทรงคุณวุฒิ หรือสภาพี่เลี้ยงให้รัฐบาล แต่ ส.ส.มีบทบาทในฐานะตัวแทนของประชาชน ต้องทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับประชาชนโดยตรง 3.เรื่องหน้าที่ ส.ว.มีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น ส่วน ส.ส.มีหน้าที่ออกกฏหมาย และควบคุม ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล 

นายเทพไท กล่าวต่อว่า เพราะฉะนั้น ทั้งที่มา บทบาท และหน้าที่ของ ส.ส.กับ ส.ว.แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนตัวไม่ขัดข้อง ยินดีที่จะบริจาคเงินเดือนเข้ากองทุนสู้โควิด-19 และเป็นสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละบุคคลที่จะบริหารจัดการกับเงินเดือนของตัวเองอย่างไร จะบริจาคเงินเดือนตลอดอายุของสภา หรือจะบริจาคเงินเดือนตลอดช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หรือจะบริจาคจำนวนกี่เดือนก็สามารถทำได้ตามจิตศรัทธา แต่ไม่ควรไปกดดันเพื่อน ส.ส.คนอื่นๆ เพราะ ส.ส.แต่ละคนมีรูปแบบและวิธีการบริจาคในการช่วยเหลือประชาชนที่แตกต่างกัน ในความเป็นจริง ส.ส.ทุกคน ต่างก็มีความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส.ส.คนใดไม่สนใจในการช่วยเหลือประชาชนก็สุ่มเสี่ยงกับการสอบตกในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงต้องทำให้มีการร่วมกันต่อต้านการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กับประชาชนในพื้นที่โดยปริยาย ต้องยอมรับความจริงว่ามี ส.ส.บางคนเสียค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าเงินเดือนของ ส.ส.ที่ได้รับจากสภาฯด้วยซ้ำไป ส่วนตัวได้ใช้เงินเดือนในเดือน มี.ค.ซื้อหน้ากากอนามัย และเงินเดือนในเดือนเม.ย. ซื้อสเปรย์แอลกอฮอล์75เปอร์เซ็นต์ เพื่อแจกประชาชนในพื้นที่ และจะทำแบบนี้ต่อไปจนกว่าจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้

นายเทพไท กล่าวด้วยว่า สำหรับการตั้งกองทุนเพื่อสู้กับโควิด-19 อาจจะมีปัญหาในทางปฎิบัติว่าจะมีวิธีใช้เงินกองทุนอย่างไรให้กระจายไปได้ในทุกพื้นที่ ถึงมือประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งแตกต่างกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.จำนวน 500 คน ที่มีพื้นที่ความรับผิดชอบชัดเจน ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ รัฐบาลควรจะให้ความสำคัญและสนับสนุนบทบาทของ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน และทำงานใกล้ชิดกับประชาชน มีเครือข่ายเต็มพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลน่าจะใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ในการช่วยเหลือประชาชนร่วมกับฝ่ายรัฐบาล จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้มากกว่า