ชี้! สอบ 2 ประเด็น “ผู้ใหญ่บ้านยิงพระ” “ขัดแย้งเดิม-เคอร์ฟิว”

2020-04-08 15:50:18

ชี้! สอบ 2 ประเด็น “ผู้ใหญ่บ้านยิงพระ” “ขัดแย้งเดิม-เคอร์ฟิว”

Advertisement

บิ๊กใหม่ ลงพื้นที่ดูคดีเคอร์ฟิวยิง 2 ศพพระนักพัฒนาและชาวบ้าน ชี้สอบ 2 ประเด็นขัดแย้งกับเคอร์ฟิว

ความคืบหน้าคดีนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 48 ปีและพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตรอายุ 49 ปี หัวหน้าพุทธอุทยาน สำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา ระหว่างไปจับผึ้งป่า(ตีผึ้ง)เสียชีวิตบนถนนสายเลียบเขาเพ-ลา ทางเข้าสำนักสงฆ์เขาเพ-ลา หมู่ที่ 9 ต.สมอทอง โดยอ้างเป็นการควบคุมตัวที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้อาวุธปืนป้องกันตัวเหตุเกิดเมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา นั้น

เมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 8 เมษายน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโดยมีนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะพนักงานสอบสวนชุดสืบสวน ร่วมเข้าตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียดทั้งจุดที่ผู้ต้องหายืนก่อเหตุ จุดผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย จุดที่พบอาวุธปืนและหัวกระสุนปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 นำชี้จุดพร้อมมีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตำรวจภูธร จ.สุราษฎร์ธานี นำเครื่องมือมาสแกนตรวจหาหัวกระสุนปืนเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุด้วย




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีคณะพนักงานสอบสวน ที่มี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าได้มีการสอบสวนปากคำพยาน ไปแล้วกว่า 10 ปาก ประกอบด้วยกลุ่มคนที่ร่วมเดินทาง กับพระชลธาร ไปจับผึ้งป่าจำนวน 4 ปาก และกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่เดินทางไปพร้อมกับนายมานพ ผู้ต้องหาอีก 1 ปาก ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่แจ้งให้นายมานพเข้าตรวจสอบหลังพบว่า มีรถยนต์ จำนวน 3 คัน วิ่งเข้าออกในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งได้สอบปากคำนายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอาวุโส อ.ท่าชนะ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนในประเด็นอาวุธปืนพกสั้นขนาด .380 ที่พบตกอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุใกล้ศพพระชลธาร ที่นายมานพอ้างว่า ที่ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่พระชลธารและนายชูรัตน์ เนื่องจากเห็นพระชลธาร ชักอาวุธปืนพกออกมา และนายชูรัตน์ นำมีดออกมา โดยล่าสุดตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวมีชื่อผู้ครอบครองเป็นชาว อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ได้นำไปจำนำไว้กับเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี



พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า รอฟังการชี้แจงในสำนวนสอบสวน ซึ่งในส่วนความขัดแย้งยังหาข้อมูลประเด็นนี้อยู่ เรื่องผู้ตายฝ่าฝืนเคอร์ฟิวและสาเหตุที่ถูกยิงกับเคอร์ฟิวคนละเรื่องกันแต่ต่อเนื่องกันต้องรอฟังพนักงานสอบสวนก่อนยังยืนยัน 100% ไม่ได้ต้องสอบหลายปาก

พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า อาวุธปืนที่เจอใกล้ศพพระเป็นวัตถุพยานที่ปรากฏอยู่ในสำนวน เป็นดุลพินิจที่พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงไปว่ามีความน่าเชื่อจะดำเนินคดีใครได้บ้าง และต้องฟังเหตุผลผู้ยิงคือผู้ใหญ่บ้านด้วยที่กล่าวอ้างมามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องรับฟังเขาด้วยที่เขาแจ้งเจ้าหน้าที่มันเกิดเหตุอะไร และดูพยานหลักฐานในที่เกิดมีทั้งอาวุธมีทั้งสภาพบาดแผลด้วย