"สมพงษ์"แนะรัฐบาลเคร่งครัดบริหารงบประมาณใช้เงินอนาคตอย่างมีทิศทาง

2020-04-08 09:45:25

"สมพงษ์"แนะรัฐบาลเคร่งครัดบริหารงบประมาณใช้เงินอนาคตอย่างมีทิศทาง

Advertisement

"ผู้นำฝ่ายค้าน"ระบุยังไม่เห็นถึงความชัดเจนของรัฐบาลในนโยบายด้านการเงินการคลัง ปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณปี 2563 ห่วง พ.ร.ก.กู้เงินหากไม่มีการจัดการที่มีคุณภาพ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการนำเงินในอนาคตของประเทศมาใช้อย่างขาดหลักประกัน เสนอรัฐบาลเคร่งครัด บริหารงบประมาณ ใช้เงินอนาคตของประชาชนอย่างมีทิศทาง มียุทธศาสตร์และมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร  กล่าวว่า  วันนี้เรามีโจทย์ใหญ่สำคัญ 2 ประการที่ กำลังคุกคามโลกและประเทศไทย คือ  1) วิกฤตโควิด-19  การติดเชื้อและความเจ็บป่วยที่กำลังก่อผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของผู้คนทั้งโลกอย่างรุนแรง รวดเร็ว การขยายตัวในปริมาณและพื้นที่ในวงกว้างระดับโลก จนคาดเดาไม่ได้ว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะสามารถจัดการและประคับประคองสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ให้ประชาชนในประเทศของตนเผชิญอันตรายและสูญเสียน้อยที่สุดได้อย่างไร 2) วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อันเป็นผลที่ตามมาและจะก่อผลสะเทือนที่ขยายวงกว้างไปทั้งโลก สถานการณ์เศรษฐกิจของแทบทุกประเทศไม่สามารถดำเนินไปในทิศทางเดิมได้อีก เกิดปัญหาตามมาเป็นลูกโซ่ ทั้งปัญหาแรงงาน การยุติการลงทุน การท่องเที่ยว การเดินทางสื่อสารระหว่างกันของประชาชนมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดวิกฤติที่ทับซ้อนเข้ามาคุกคามประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย วิกฤตทั้งสองนี้ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่  และมีผลกระทบต่อทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น มากเกินกว่าจะคาดคิดหาก รัฐบาลหรือผู้นำประเทศใดไม่มีศักยภาพมากเพียงพอที่จะสามารถกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ ผลที่ติดตามมาจะส่งผลเสียหายต่อประชาชนในประเทศนั้นอย่างรุนแรงยิ่ง

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ดังกล่าว  คือ ท้าทายภาวะการนำที่มีศักยภาพ ที่ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแต่เพียงอย่างเดียว  หากแต่เป็นการทดสอบวิสัยทัศน์ การคิดเชิงยุทธศาสตร์ในอนาคตว่า ผู้นำมีความสามารถในการนำความรู้ด้านการบริหาร  ประสานกับความรู้เฉพาะทางจากวิชาชีพที่เชี่ยวชาญ การจัดการงบประมาณและทรัพยากรทุกด้านที่จำเป็น มีความเป็นผู้นำที่สามารถสื่อสารอย่างน่าเชื่อถือในสถานการณ์ฉุกเฉิน  และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในประเทศของตนอย่างไร จากวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ เราได้เห็นความโดดเด่นในการแก้ไขปัญหาของผู้นำหลายประเทศ ที่แสดงถึงศักยภาพการบริหารประเทศภายใต้ภาวะวิกฤติ ซึ่งมีความชัดเจน เด็ดขาด ตรงไปตรงมา มองเห็นภาพรวมทั้งระบบในการแก้ไขปัญหา  ทำให้คนทั้งประเทศมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจ สามารถทำให้ผู้คนพร้อมที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญ ผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก กำลังก้าวเข้าสู่บททดสอบสำคัญ ถึงความสามารถในการบริหารประเทศยามวิกฤต และต่างกำลังพยายามใช้ทุกวิถีทางในการบริหารจัดการประเทศของตน ให้ก้าวพ้นปัญหา และเลือกใช้มาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ และร่วมประคับประคองประเทศให้พ้นวิกฤต

"ผมขอยกตัวอย่างประเทศใกล้บ้านเราอย่างเช่นสิงคโปร์  วันนี้เขารับมือกับวิกฤตโดยบริหารงบประมาณของประเทศจำนวนมากถึง 3 หมื่นกว่าล้านดอลล่าร์สหรัฐ  เพื่อนำมากระตุ้นและเตรียมรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น โดยมุ่งรับมือกับความถดถอยทางเศรษฐกิจของโลกที่กำลังจะมาถึง และเตรียมรับมือกับวิกฤตที่เป็นผลกระทบจากการระบาดที่ร้ายแรงของโควิด-19 โดยใช้นโยบาย 3 ประสาน คือ นโยบายการเงินการคลัง   นโยบายสาธารณสุขที่สู้กับการระบาดของโรค และนโยบายการช่วยเหลือดูแลหน่วยธุรกิจต่างๆ ทุกระดับของประเทศ พร้อมกับการประคับประคอง เยียวยาประชาชนและคนยากคนจนของสิงคโปร์ให้อยู่รอดได้ นั่นเพราะเขาให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ในฐานะที่เป็นพลังสำคัญสำหรับการฟื้นฟูและผลักดันให้ประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว ด้วยการใช้ศักยภาพและทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเท เตรียมรับมือและฟื้นฟูประเทศ เพื่อเตรียมก้าวเข้าสู่บริบทใหม่ทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะมาถึงอย่างไรก็ตาม สถานการณ์สร้างผู้นำฉันใด สถานการณ์ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความล้มเหลวของผู้นำได้ฉันนั้น เมื่อมองกลับมาที่สถานการณ์ของประเทศไทยเราในวันนี้  จึงเป็นบททดสอบสำคัญต่อนายกรัฐมนตรีและ ครม.ว่ามีศักยภาพเพียงพอในการเป็นผู้นำในยามวิกฤตหรือไม่  และจะสามารถนำพาประเทศของเราให้ก้าวข้ามพ้นวิกฤติได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งผมได้เคยบอกกล่าวไปแล้วว่าในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน  เราพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ หากแต่วันนี้ เรายังไม่เห็นถึงความชัดเจนของรัฐบาลในนโยบายสำคัญด้านการเงินการคลัง ว่ามีแผนจะจัดการ ปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณปี 2563 อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทั้งทางชีวิต สุขภาพ การป้องกันตนเอง และการเร่งเยียวยาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อยซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมทั้งหน่วยเศรษฐกิจ บริษัท ห้างร้านในระดับต่างๆ ที่ต้องมีมาตรการการดูแลไม่ให้เสียหายมากจนเกินไป เพราะส่งผลผูกพันกับพนักงาน แรงงานจำนวนมหาศาล รวมถึงกลุ่มเกษตรกรในภาคการผลิตที่ขาดการดูแลและประกันรายได้  รัฐบาลควรมีแผนการเตรียมความพร้อมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ของประเทศ คู่ขนานไปกับการแก้วิกฤติสุขภาพ โดยควรกำหนดทิศทางให้ชัดเจนว่า จะมีนโยบายเตรียมพร้อมเศรษฐกิจของประเทศในทุกภาคส่วนอย่างไร เพื่อให้ประชาชนเห็นแนวโน้มและจังหวะก้าวของชีวิตในอนาคต  พร้อมกับการเตรียมการรับมือเศรษฐกิจครัวเรือนของตนอย่างมีความหวัง"นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ ระบุด้วยว่า นอกจากผมจะยังไม่เห็นความชัดเจนในการปรับงบประมาณปี 2563 แล้ว ผมยังมีความเป็นห่วงต่อการที่รัฐบาลเตรียมการจะขอออกพระราชกำหนดสำคัญทางการเงิน  โดยเฉพาะพระราชกำหนดกู้เงิน ซึ่งหากไม่มีการจัดการที่มีคุณภาพ เราอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการนำเงินเก็บก้อนใหญ่อันเป็นเงินในอนาคตของประเทศ มาใช้อย่างขาดหลักประกัน ผมพร้อมสนับสนุนหากรัฐบาลนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศและพี่น้องประชาชนอย่างมีแผน อย่างเป็นระบบ ครบถ้วนรอบด้าน ทั่วถึง และโปร่งใส อันจะเป็นผลต่อการเยียวยาชีวิตให้กับคนไทยทุกชนชั้น ทั้งแผ่นดิน แต่วันนี้ ผมยังไม่เห็นแผนการใช้งบประมาณที่ชัดเจนเลยครับ ผมขออนุญาตส่งเสียงเตือนรัฐบาลอย่างจริงจัง  เพราะนี่คือเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของประเทศ ผมอยากเห็นการบริหารประเทศ  ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเวลาและเท่าทันสถานการณ์ ไม่อยากเห็นการบริหารงาน ที่ไร้ทิศทาง ไร้ยุทธศาสตร์  ทำลายอนาคต ทำลายโอกาสของประเทศ และทำลายความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องประชาชน   ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมทั้งประชาชนคนไทยจะเฝ้าติดตามการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีและ ครม.อย่างใกล้ชิดและหวังว่าเสียงสะท้อนของพวกเรา จะนำไปสู่การสร้างการมีส่วนร่วม ที่รัฐบาลพึงรับฟัง เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ ไปได้อย่างดี