"กรณ์"เสนอความเห็นกรณี ครม.จะพิจาณา 3 พ.ร.ก.

2020-04-06 20:25:15

"กรณ์"เสนอความเห็นกรณี ครม.จะพิจาณา 3 พ.ร.ก.

Advertisement

"กรณ์"เสนอความเห็นกรณี ครม.จะพิจาณา 3 พ.ร.ก.ชี้การเตรียมกู้วิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 เป็นเรื่องต้องทำอย่างรัดกุม ยุติธรรมทั่วถึง เป็นกำลังใจให้ทีมแบงก์ชาติ ทีมคลัง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่หัวหน้าพรรคกล้า อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเพจ Korn Chatikavanij - กรณ์ จาติกวณิช ระบุว่า 3 พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สำคัญ วันอังคารนี้ ครม. จะพิจารณา 3 พระราชกำหนดสำคัญ 1. พ.ร.ก. กู้เงิน  2. พ.ร.ก. สินเชื่อช่วย SME 3. พ.ร.ก.ให้แบงก์ชาติรับซื้อพันธบัตรเอกชนไทย ทั้งสามเรื่องเป็นเรื่องสำคัญ ผมจะรอดูรายละเอียดก่อนแสดงความเห็นเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นมีประเด็นนำเสนอให้พิจารณา (และระมัดระวัง) ตามนี้ครับ 1. พ.ร.ก.กู้เงิน หลักการของการออก พ.ร.ก.กู้เงิน คือเพื่อเสริมกำลังเงินให้รัฐเพิ่มเติมจากที่ พ.ร.บ.งบประมาณกำหนดไว้ และต้องเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาที่เร่งด่วนเกินกว่าที่จะรอเงินงบประมาณปีถัดไป ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้เห็นก่อนอื่นเลย คือรัฐบาลต้องปรับงบที่ไม่เร่งด่วนหรือชัดเจนว่าใช้ไม่ทันสิ้นปีงบประมาณ และเอางบนั้นมาจัดสรรใหม่ในการต่อสู้กับสภาวะวิกฤต เรื่องนี้นายกฯสั่งไปแล้ว และน่าจะมีความชัดเจนพรุ่งนี้ ขั้นตอนที่สองคือรัฐยังมีวงเงินกู้ตามเพดานตามกฎหมายในปีงบประมาณ (เหลืออยู่ประมาณ 300,000 ล้านบาท) รัฐควรพิจารณาวิธีใช้วงเงินนี้ก่อนที่จะออก พ.ร.ก.หากยังต้องออก พ.ร.ก. รัฐต้องออก พ.ร.ก.ในวงเงินที่จะใช้จริงอย่างเร่งด่วนทันทีเท่านั้น ส่วนที่เหลือควรเป็นการใช้เงินในงบประมาณปี 2564 ซึ่งต้องมีการรื้อใหม่ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

2. พ.ร.ก.สินเชื่อ SME ประเด็นสำคัญคือแบงก์ชาติจะมีระบบประเมินความยุติธรรมในการเข้าถึงวงเงินจากแบงก์ชาติอย่างไร ผมคิดว่าแบงก์ชาติคงใช้กลไกธนาคารในการส่งวงเงินผ่านไปถึง SME จึงมีประเด็นว่าจะตรวจสอบอย่างไรว่าผู้เดือดร้อนจริงได้รับการช่วยเหลือ ไม่ใช่เพียงลูกค้าเดิมของธนาคาร

3. พ.ร.ก.ให้แบงก์ชาติรับซื้อพันธบัตรเอกชนไทย กฎหมายนี้น่าจะสุ่มเสี่ยงที่สุดเพราะไม่เคยมีมาตรการนี้ในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งแบงก์ชาติปกติจะเป็น "ผู้ปล่อยกู้แนวสุดท้าย" (lender of the last resort) แต่หากแบงก์ชาติมารับการ rollover พันธบัตรตามข่าวที่ปรากฏ แบงค์ชาติจะเป็นผู้ซื้อธนบัตรในฐานะผู้ซื้อโดยตรงเป็นครั้งแรก ซึ่งคำถามที่จะตามมาคือ 1. แบงก์ขาติจะซื้อในราคาเท่าไร 2. ผู้ถือหุ้นและธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้จะร่วมรับผิดชอบอย่างไร (ไม่ควรเป็นการโอนความเสี่ยงและผลขาดทุนทั้งหมดมาที่แบงก์ชาติ โดยที่ผลกำไรในอนาคตยังอยู่ที่นายทุนเหมือนเดิม) 3. มาตรการนี้เป็นการนำเงินสำรองมาช่วยอุ้มผู้ประกอบการใหญ่ จึงมีคำถามว่าผู้ประกอบการ SME ที่ระดับเครดิตตํ่ากว่าเกรดที่แบงก์ชาติพร้อมรับ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่

ผมได้ปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์อีกหลายท่าน เราเห็นเพิ่มเติมว่าแบงก์ชาติควรต้อง 1. เริ่มประเมินสถานการณ์ของแต่ละบริษัทที่ออกพันธบัตรแต่เนิ่นๆ เพื่อกำหนดทั้งโครงสร้างการเงินที่เหมาะสมโดยรวมของกิจการ (อย่ารอให้ใกล้ช่วงพันธบัตรจะหมดอายุ)2. กำหนดแผนยุทธศาสตร์การดำเนินการของผู้ประกอบการในช่วงนี้และช่วงหลังวิกฤต 3. เจรจาร่วมกับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นในการกำหนดการแบ่งรับภาระความความเสียหายและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น และกำหนดระดับความช่วยเหลือที่จะได้รับจากธนาคารกลาง เรื่องการเตรียมกู้วิกฤตเศรษฐกิจจากโควิดเป็นเรื่องต้องทำแน่นอน และต้องทำอย่างรัดกุม ยุติธรรมและทั่วถึง ขอเป็นกำลังใจให้ทีมแบงก์ชาติ ทีมคลัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนครับ