ใดๆในโลกล้วน...โควิด ทุกชีวิตที่เข้าเมืองจึงต้องกัก

2020-04-06 11:10:13

ใดๆในโลกล้วน...โควิด ทุกชีวิตที่เข้าเมืองจึงต้องกัก

Advertisement



รายงานการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวาน  วันที่ 5 เม.ย.63 มีตัวเลขที่ไม่อยากเห็นย้อนมาจนได้ ด้วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 102 คน ทั้ง ๆ ที่วันวานลดถึง 89 ยอดสะสมจึงสูงถึง 2,169 คน ที่รักษาในโรงพยาบาล 1,472 คน หายแล้ว 674 คน เพิ่มขึ้น 62







ที่ขอแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิต มีอีก 3 รวมกับก่อนหน้านี้ ถึง 23 รายแล้ว





นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ขยายความเกี่ยวกับการเสียชีวิตว่า รายแรกเป็นชายไทยอายุ 46 ปี เดินทางกลับจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ 22มี.ค.63 ได้ 3 วันก็ป่วยเข้ารักษาใน รพ.ถึงแก่ความตายวันที่ 3 เม.ย.63 รายต่อมาเป็นชายชาวสวิส อายุ82ปี มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มีไข้สูง เข้ารักษาตัวใน รพ.สิ้นชีวิตด้วยโรคระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เมื่อ 2 เม.ย.63 รายที่3 ชายไทยอายุ 30 ปี มีประวัติดื่มสุราเป็นประจำ มีไข้ ไอมาก นำส่ง รพ.ตรวจพบปอดอักเสบรุนแรง เสียชีวิต 4 เม.ย.63



คงเห็นความเสี่ยงที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต







ในรายของผู้ติดเชื้อใหม่ 102 ราย ส่วนที่เกี่ยวกับสถานบันเทิงและร่วมพิธีกรรมทางศาสนาลดลง แต่กลุ่มใหญ่ เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำงานใกล้ชิดกับคนต่างชาติ หรือเชื่อมโยงกับการเดินทางมาจากต่างประเทศ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข



นี่คือเหตุผลสำคัญที่คนมาจากต่างประเทศเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังและกักตัวอย่างเคร่งครัด



จะมาร้องไม่ย๊อม ไม่ยอม ย่อมฟังไม่ได้



ตัวเลขการติดเชื้อและการเสียชีวิตของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะแถบยุโรป อเมริกา ที่ว่ากันเป็นแสนๆ เสียชีวิตหลักหมื่น หลักพัน เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้





คนมาจากแถบนั้นถึงไม่ป่วย ยังไงก็ต้องขอแรงให้ช่วยชาติอยู่ในที่จำกัดสักสองอาทิตย์



แม้โควิดจะออกฤทธิ์หนักแถวแดนฝรั่งฝั่งตะวันตกก็อย่าคิดว่า ฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะหายใจได้ทั่วท้อง เพราะ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ซึ่งเฝ้าดูสถิติการติดเชื้อของแถบอาเซียนแบบไม่วางตา พบว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ติดเชื้อโซนนี้ เพิ่มขึ้นสองเท่า จาก 6,275 ราย เป็น 12,369 ราย ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นถึง 140% จาก 175 เป็น 420 ราย




ฟิลิปปินส์ แค่ 7 วัน ผู้ติดเชื้อเพิ่มเกือบ 3 เท่า ผู้เสียชีวิตเฉียด 90 คน





อินโดนีเซีย ก็ถึงแก่ชีวิตไปแล้ว 191 คิดเป็น 9%ของผู้ติดชื้อ



เวลานี้ ฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย แซงไทยไปอยู่อันดับที่ 2-3แล้ว อัตราการเพิ่มของทุกราย ล้วนประมาทไม่ได้ ดังนี้ ... มาเลเซียติดเชื้อเพิ่มขึ้น 61% เสียชีวิตเพิ่ม 119% , ฟิลิปปินส์ติดเชื้อเพิ่ม 285% เสียชีวิตเพิ่ม 167%, อินโดนีเซียติดเชื้อเพิ่ม 100% เสียชีวิตเพิ่ม 119% ส่วนไทย การเพิ่มของผู้ติดเชื้อ 82% สัดส่วนการเสียชีวิตปาเข้าไป 300% 




ในสายตาของคุณหมอนักวิจัย วางสมมติฐานอัตราการตายที่สูงมาก อาจเกิดจากข้อจำกัดในการดูแลรักษาผู้ป่วยหนักหรือเกิดจากจำนวนของผู้ติดเชื้อที่รายงาน ต่ำกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด




งานวิจัยนี้ ยังให้มุมมองที่ดีกับทุกประเทศในอาเซียน ว่าได้ยกระดับมาตรการควบคุมโรคเข้มงวดขึ้น อย่างการประกาศเคอร์ฟิวของไทย หรือที่สิงคโปร์สั่งให้โรงเรียนและบริษัทเอกชนปิดชั่วคราวซะเป็นส่วนใหญ่



ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ กระจายไปแล้ว 66 จังหวัด สูงสุดอยู่ที่กรุงเทพฯ 969 ราย ที่ยังไม่มีรายงานสักรายเหลืออยู่ 11 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร น่าน พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี อ่างทอง พังงา ชัยนาท บึงกาฬ ตราด



ซึ่งต้องช่วยกันเฝ้าระวังให้เขาปลอดตลอดไป



ตอนนี้คนกรุงเทพ โดยเฉพาะที่กลับจากต่างประเทศจึงไม่ควรไปไหน 



กักตัวอยู่นิ่งๆจะน่ารักที่สุด....