"อนุทิน" ลงพื้นที่นครปฐมดูความพร้อมระบบรับมือโควิด-19

2020-04-06 03:00:45

"อนุทิน" ลงพื้นที่นครปฐมดูความพร้อมระบบรับมือโควิด-19

Advertisement

"อนุทิน" ลงพื้นที่นครปฐม ดูความพร้อมระบบรับมือโควิด-19 วอนประชาชนให้ความร่วมมือในการกักตัว อย่าหลบเลี่ยง เพราะผิดกฎหมาย สร้างภาระหนักแก่สังคม

เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารของกระทรวง ได้ลงพื้นที่ จ.นครปฐม เพื่อตรวจเยี่ยมระบบการรับมือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ( โควิด -19 ) โดยมีผู้บริหาร และฝ่ายปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ข้อมูล และร่วมหารือ 

นายอนุทินและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมจุดกักตัว โรงเรียนการบินกำแพงแสน จากนั้น ได้เดินทางไปที่รพ.นครปฐม อ.เมือง เพื่อตรวจความพร้อม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 รวมถึงเยี่ยมชมความพร้อมของ Cohort Ward


นายอนุทิน กล่าวว่า ทั่วประเทศ รวมถึงจ.นครปฐม ทางภาครัฐได้เตรียมสถานที่ไว้รักษาพยาบาล และกักตัวผู้มีความเสี่ยง ซึ่งการรักษา เราทำสุดความสามารถ ขณะที่การกักตัว เราจะอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด การกักตัวไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการสะท้อนว่าท่านปฏิบัติตามกฎหมาย และท่านรับผิดชอบกับตัวเองและสังคม การกักกันโรคมีประโยชน์กับผู้กักกันโรค มีประโยชน์กับครอบครัว กับคนใกล้ชิดของผู้ที่มากักกันโรคทั้งสิ้น เมื่อท่านกักกันตัวเองครบ 14 วัน แล้วท่านไม่มีอาการไอ จาม เป็นไข้ ท่านก็ได้กลับบ้าน ครอบครัวของท่านก็ปลอดภัยด้วย ที่นครปฐม เราใช้โรงเรียนการบินกำแพงแสน เป็นที่กักตัว ต้องขอบคุณผู้บัญชาการโรงเรียนการบินที่ท่านให้สถานที่พักให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วต้องมากักตัวเพื่อกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งจัดเตรียมสถานที่ไง้ดีมากและต้องขอแสดงความชื่นชม ผวจ.นครปฐม ท่านได้บริหารจัดการสถานการณ์ตามพระราชกำหนดฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจแก่ครอบครัวผู้ที่จะต้องมากักกันโรคว่า เราทำทั้งหมด บนพื้นฐานของความเหมาะสม เราไม่ได้ต้องการจะบังคับท่าน และอยากให้ท่านได้รับความสะดวกสบาย ผู้ที่ต้องถูกกักตัว อย่าได้พยายามหลบหลีก ซึ่งมันผิดกฎหมายด้วย และการฝ่าฝืนของท่าน จะทำอันตรายร้ายแรงแก่สังคม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาครัฐได้จัดเตรียมศูนย์เฝ้าระวังกักกันรองรับคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเป็นเวลา 14 วัน โดยในระหว่าง วันที่ 2-3 เม.ย. 2563 ได้ส่งคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย ไปยังศูนย์เฝ้าระวังกักกัน โรงเรียนการบินกำแพงแสน จำนวน 75 คน เป็นชาย 33 คน หญิง 42 คน ทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพ ในเช้าวันที่ 5  เม.ย. เวลา 09.00 น. ตรวจพบมีผู้มีไข้ 4 คน และมีผู้สัมผัสใกล้ชิด 4 คน ได้ส่งทั้ง 8 คนไปดูแลรักษาตรวจเพิ่มเติมและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ที่ รพ.จันทรุเบกษา 6 คนและ รพ.กำแพงแสน 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล ทั้งนี้ ในการดูแลจะมีบุคลากรด้านสาธารณสุขรวมทั้งทหาร หมุนเวียนปฏิบัติการดูแลตลอด 24  ชม. วันละ 14 คน