สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดมากกว่า 1,203,000 คน และเสียชีวิตกว่า 64,770 คน โดยสถานการณ์ในยุโรป ยังเลวร้ายผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งอย่างต่อเนื่องวันละหลายร้อยคน แม้สถิติรายวันเริ่มลดลงแล้ว
ในฝรั่งเศส ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา นายเฌอโรม ซาโลมอน ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติ แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า มีผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มอีก 441 คน ลดลงจาก 588 คน สถิติสูงสุดเมื่อวันก่อน ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วประเทศ รวบรวมทั้งจากโรงพยาบาลและบ้านพักคนชรา ตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด พุ่งขึ้นสูงสุดทำสถิติเมื่อวันเสาร์ ขณะนี้ อยู่ที่ 7,560 คน เพราะรัฐบาลรวมจำนวนผู้เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราที่ยังไม่ได้มีการรายงานก่อนหน้านี้จำนวน 2,028 คน รวมเข้าไปด้วย ซึ่งเมื่อวันศุกร์ก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1,053 คน แต่ถ้านับเฉพาะผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาล จะอยู่ที่ 5,532 คน ทำให้ผู้เสียชีวิตในบ้านพักคนชรา อยู่ที่เกือบ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ
จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 68,605 คนเมื่อวันเสาร์ เพิ่มขึ้น 6.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเมื่อวันก่อน และผู้ป่วยอาการหนักรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉินจำนวน 6,838 คน โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 502 คน ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เมื่อเทียบกับ 641 คนในวันศุกร์ และ 729 คนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่วนจำนวนผู้ที่รักษาหายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 15,438 คน และยังมีอีกหลายพันคนที่กักตัวเองอยู่กับบ้าน อาการติดเชื้อก็หายด้วย
ในสหราชอาณาจักร หรือยูเค มีเด็กวัย 5 ขวบ อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตรายใหม่ 708 คนด้วย ซึ่งเป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุดในประเทศ รวมทั่วประเทศ 4,313 คน และผู้ติดเชื้อมากกว่า 42,000 คน โดยผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแถบมิดแลนด์และที่อื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น นายสตีเฟน เพาวิส ผู้อำนวยการสำนักงานบริการด้านสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ หรือเอ็นเอชเอส กล่าวว่า หนทางยังอีกยาวไกล พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกคนยังต้องพักอยู่ที่บ้านให้มากที่สุด อังกฤษดูเหมือนจะยังไม่ยกเลิกมาตรการปิดประเทศที่เข้มข้นจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม
ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในอิตาลี พุ่งเกิน 15,000 คนแล้ว แต่หัวหน้าสำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของอิตาลี ส่งสัญญาณข่าวดี เมื่อจำนวนผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินลดลงเป็นครั้งแรก อีกทั้งสถิติผู้เสียชีวิตรายวันก็ลดลงเรื่อย ๆ ในช่วง 8 วันที่ผ่านมา โดยอิตาลีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันลดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่เรียกร้องอย่าเพิ่งผ่อนมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ ซึ่งพวกเขาบอกว่ากำลังเริ่มเห็นผล แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 4,805 คนก็ตาม แต่ก็ถือว่าลดลงเล็กน้อยจากสถิติรายวันที่ผ่านมา
สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนของอิตาลี รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 681 คน รวมเป็น 15,632 คน ตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดในภาคเหนือของประเทศเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการลดลงต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ อยู่ที่ 124,632 คน จากเมื่อวันศุกร์ ซึ่งอยู่ที่ 119,827 คน แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินลดลงมาเหลืออยู่ที่ 3,994 คน ลดลง 74 คน จาก 4,068 คน เมื่อวันศุกร์
สำหรับในสเปน หนึ่งในประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในโลก สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเสียชีวิตเพิ่มอีก 809 คน แต่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3 วันที่ผู้เสียชีวิตรายวันต่ำกว่า 900 คน นายกรัฐมนตรีสเปนเปโดร ซานเชซ ของสเปน แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า เขาจะขอให้รัฐสภาขยายมาตรการล็อคดาวน์ หรือปิดประเทศออกไปอีก 15 วัน จนถึงวันที่ 26 เมษายน แม้ว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงจะเริ่มลดลง และบอกด้วยว่า สเปนใกล้ผ่านจุดสูงสุดของการติดเชื้อแล้ว
นายซานเชซ กล่าวปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ต่อประชาชนในชาติ ว่า มาตรการปิดประเทศในปัจจุบันนี้ กำลังเริ่มเห็นผล แต่เขาก็เตือนว่า การขยายภาวะฉุกเฉินออกไปเมื่อวันเสาร์นั้นจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย “พวกเราอยู่ในระยะเริ่มต้นของการลดลงจากการระบาดของไวรัส พวกเราแข็งแกร่งกว่าที่คิด แต่เราต้องอดทน ด้วยความเสียสละ, การต้านทานและจิตวิญญาณของชัยชนะ” เขากล่าว และเพิ่มเติมว่า มาตรการควบคุมธุรกิจบางอย่าง จะถูกยกเลิกหลังเทศกาลอีสเตอร์
ตัวเลขผู้เสียชีวิตในสเปน เพิ่มขึ้นเป็น 11,744 เมื่อวันเสาร์ สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอิตาลี อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิต 809 คนระหว่าง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น ต่ำกว่าตัวเลขเมื่อวันศุกร์ ซึ่งอยู่ที่ 932 คน และเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งอยู่ที่ 950 คน ขณะที่ ผู้ติดเชื้อเพิ่มจาก 117,710 คนเมื่อวันศุกร์ เป็น 124,736 คนในวันเสาร์ ทำให้สเปนแซงหน้าอิตาลี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรวม 124,632 คนเมื่อวันเสาร์