สธ.เตือนคนไทยหนีกักตัวมีโทษจำคุก 1 ปี อายุความ 10 ปี
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงสถานการณ์การติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) ว่า วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 89 คน หากดูกราฟจะเห็นว่าหลังจากเรามีผู้ป่วยรายใหม่หลักร้อยนานหลายวัน ในวันนี้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดเหลือ 89 คน และดูตัวเลข 89 คน จะเห็นว่าในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศลดลงต่ำกว่าร้อย แต่พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง โดยผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศมี 21 คน เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 18 คน และเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 คน รวมเป็น 21 คน ทั้งนี้ อยากจะเน้นย้ำว่า 1 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ คือผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเพราะฉะนั้นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศและภาครัฐ จะเข้มงวดกับกระบวนการรับไว้สังเกตอาการอยากให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ และที่บอกเสมอว่าหากเรากลับจากต่างประเทศและติดเชื้อคนที่เสี่ยงจะติดเชื้อจากเราที่สุดก็คือสมาชิกในครอบครัวรวมถึงคนที่เราไปพบปะสังสรรค์ด้วย
นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้มีเพิ่มอีก 1 รายเป็นชายไทยอายุ 72 ปี มีประวัติเป็นโรคประจำตัวเบาหวานความดันโลหิตสูงไขมันในเลือดสูงเข้ารับการรักษาที่สถาบันทรวงอกและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 20 โดยสรุปวันนี้มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 612 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,435 ราย เสียชีวิตรวม 20 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 2,067 ราย
นพ.ธนรักษ์ ยังกล่าวถึงกรณี 152 คนไทย ไม่ยอมกักตัว 14 วัน ในสถานที่รัฐบาลจัดการให้เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ว่า อยากขอให้บุคคลกลุ่มนี้ รีบไปรายงานตัว พร้อมฝากเตือนผู้ที่กำลังจะเดินทางกลับมาประเทศไทยเพิ่มอีก หากเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ได้วินิจฉัยแล้วว่า ต้องเข้ารับการกักตัวอยู่ในความดูแลของรัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 1 ปี และคดีนี้จะมีอายุความถึง 10 ปี
ส่วนกรณีคนไทยเข้ารับการกักตัวที่อาคารรับรอง 2 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วต้องไปอยู่รวมกัน 3 คนต่อ 1 ห้องนอน นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับการรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น โดยเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาตามความเหมาะสมแล้วและที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาในการแพร่โรคต่อกัน รวมทั้งสถานที่พักได้มีหน้าต่าง จัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ซึ่งมีระบบดูแลป้องกันการแพร่เชื้อในระหว่างต้องกักตัวแล้ว จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจและขอความร่วมมือปฏิบัติตาม เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค