เมืองเซินเจิ้น สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นเมืองแรกของจีน ที่ออกกฎหมายห้ามการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว โดยจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.
แถลงการณ์ของเทศบาลเมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันที่ 2 เม.ย. กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่จะถึง การบริโภคเนื้อสุนัขและเนื้อแมว ถือเป็นการละเมิดเทศบัญญัติของเมืองเซินเจิ้น เนื่องจากสัตว์ทั้ง 2 ชนิดเป็นสัตว์เลี้ยง ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์
จากข้อมูลขององค์กรพิทักษ์สัตว์ ฮิวเมน โซไซตี อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ เอชเอสไอ (Humane Society International) ระบุว่า สุนัขถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหาร ในเอเชีย ประมาณ 30 ล้านตัว ในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ในจีนไม่นิยมบริโภคเนื้อสุนัขและเนื้อแมว การบริโภคมีเพียงบางท้องถิ่นเท่านั้น
หนังสือพิมพ์รายวัน เซินเจิ้น เดลี่ สื่อกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองเซินเจิ้น ซึ่งอยู่ใกล้เขตแดนฮ่องกง รายงานการให้สัมภาษณ์ของนายหลิว เจี้ยนผิง เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเมืองเซินเจิ้น ว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่า การบริโภคเนื้อสัตว์ป่า มีคุณค่าทางอาหาร มากกว่าการบริโภคเนื้อไก่และเนื้อหมู
ความเคลื่อนไหวของเมืองเซินเจิ้น ซึ่งทำให้กลายเป็นเมืองแรกของจีน ที่ห้ามการรับประทานเนื้อสุนัขและเนื้อแมว ยังเกิดขึ้นหลังรัฐบาลในกรุงปักกิ่ง มีคำสั่งเมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านม ห้ามการจำหน่ายและบริโภคเนื้อสัตว์ป่าทุกชนิดทั่วประเทศ โดยให้มีผลในทันที.