ผวจ.ประจวบฯห่วงจนท.เสี่ยงทำงานช่วงโควิด-19

2020-04-01 19:10:10

ผวจ.ประจวบฯห่วงจนท.เสี่ยงทำงานช่วงโควิด-19

Advertisement

ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ห่วงใย จนท.เสี่ยงทำงานช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก 


เมื่อวันที่ 1 เม.ย.นายพัลลภ สิงหเสนี ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีชาว จ.นราธิวาส อายุ 57 ปี เสียชีวิตบนรถไฟสายใต้ก่อนถึงสถานีรถไฟทับสะแก ต่อมาตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 13 เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกที่พบในจังหวัด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด มีการทำลายเชื้อตามแนวทางที่กำหนด พร้อมให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อและกักตัวดูอาการ 14 วัน ล่าสุดมีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 14 เป็นชายชาวเบลเยี่ยม อายุ 57 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวที่หัวหิน ขณะนี้นอกพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรุงเทพฯ-หัวหิน สำหรับภาพรวมจนถึงขณะนี้ผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาหายแล้วมี 3 ราย คงเหลือที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา 10 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนคนไทยที่ติดเชื้อก็มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้ายังไม่มีการระบาดในพื้นที่ ขณะที่มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยอาจจะมีการมีการปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่ม หรืออาจจำกัดเวลาจำหน่ายของร้านสะดวกซื้อ


“ได้สั่งการให้ตรวจสอบชาวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือให้ตรวจหาเชื้อ สำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มเติมจะต้องขอดูใบรับรองแพทย์ ขณะที่คนไทยที่จะเดินทางเข้ามาทั้งจากพื้นที่เสี่ยงในประเทศหรือมาจากต่างประเทศ จังหวัดมีมาตรการติดตามถึงระดับหมู่บ้าน ข้อมูลในปัจจุบันมีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากการประกอบพิธีทางศาสนาที่อินโดนีเซีย 7 คน กลับมาจากมาเลเซีย 24 คน มีการจัดทีมเจ้าหน้าที่ออกสำรวจติดตามอาการอย่างใกล้ชิด มีการทำงานตามข้อปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นจากปัญหาของเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยที่ อ.ทับสะแก ถูกกักตัว 14 วัน เนื่องจากไปตรวจสอบการเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อบนโบกี้รถไฟ ต่อไปหน่วยงานด้านสาธารณสุขจะต้องกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการทำหน้าที่ของหน่วยกู้ชีพและกู้ภัย โดยเฉพาะการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเนื่องจากไม่ทราบว่ามีใครติดเชื้อหรือไม่ ดังนั้นจากนี้ไปจะต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนของเจ้าหน้าที่จิตอาสาของมูลนิธิกู้ภัย เพื่อเพิ่มความระมัดระวังและลดความเสี่ยงในช่วงที่มีการะบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้จัดสรรหน้ากากอนามัยส่งมาให้กับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว 1 หมื่นชิ้น จากโควต้าที่จะได้รับทั้งหมด 35,000 ชิ้น โดยจะส่งมามีการนำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่างๆต่อไป” นายพัลลภ กล่าว 


นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่าจะมีลูกเรือประมงน้ำลึกจำนวนกว่า 100 คนมาขึ้นท่าเทียบเรือที่ ต.คลองวาฬ อ.เมือง ในวันที่ 4 มี.ค. 63 หลังกลับจากการออกเรือทำการประมงในทะเลอันดามัน จึงได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองประจวบฯ ประสานกับนายอำเภอเมืองประจวบฯหาแนวทางเฝ้าระวังลูกเรือกลุ่มนี้ โดยกำหนดมาตรการคัดกรองตรวจวัดไข้ทุกคน หากพบผู้ที่มีอาการป่วยให้ส่งตัวรับการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนผู้ที่ไม่มีไข้จะต้องมีการติดตามอาการหรือพิจารณาจัดหาสถานที่สำหรับกักตัวดูอาการ


“สำหรับมาตรการที่ออกมาในขณะนี้ในเรื่องการปิดสถานที่สุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เห็นว่าค่อนข้างครอบคลุมทุกสถานที่แล้ว แต่สิ่งสำคัญคือควรจะมีการจัดทีมออกตรวจตราสถานที่ต่างๆ ว่าได้มีการปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นสถานบริการ ผับ บาร์ หรือการห้ามให้ร้านค้าร้านอาหารจัดที่นั่งให้ลูกค้าแต่ให้ซื้อกลับไปรับประทานยังสถานที่อื่น ส่วนการควบคุมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องของระดับรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีที่จะสั่งการลงมา ซึ่งในส่วนของการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่จุดคัดกรองต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันตัวเองด้วย เช่น การรักษาระยะห่าง และยอมรับว่าเครื่องตรวจวัดไข้เทอร์โมสแกนอาจจะเที่ยงตรงไม่เท่ากับปรอทวัดไข้ แต่เหมาะสำหรับการคัดกรองคนจำนวนมาก”นพ.สุริยะ กล่าว