ตำรวจตามรวบได้แล้วแถวบ้านเกิด นักโทษคนสุดท้ายที่ก่อการจลาจลแล้วแหกคุกหลบหนี ให้การไม่ได้เป็นหัวโจก แต่มีขาใหญ่ในคุกเป็นคนเรียกขาใหญ่แต่ละหลังมานัดแหกคุก ก่อนจะก่อเหตุ ยอมรับเข้าไปร่วมด้วย โดยทุบกำแพงแล้วหลบหนี และเป็น 1 ใน 5 คนในวงจรปิดที่เข้าไปขโมยเสื้อผ้าในโรงแรม
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 31 มี.ค. พ.ต.อ.อัษฎไนย ป้องกัน ผกก.สภ.คูเมือง พร้อมด้วย พ.ต.ท.มานิตย์ สร้อยจิตร รองผกก.ป.หัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นำกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอคูเมือง ได้เร่งติดตามจับกุม นักโทษชายธันยะพงศ์ สินพูน อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่ร่วมกันก่อเหตุจลาจลเผาเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ และสืบทราบว่า ได้มาหลบซ่อนตัวอยู่แถว ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิด และเป็นนักโทษคนสุดท้ายจาก 10 คนที่ยังหลบหนีอยู่
กระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบบุคคลต้องสงสัยคล้ายกับ นักโทษชายธันยะพงศ์ มาอยู่แถวบริเวณป่าใกล้กับลำคลองคูเมืองโบราณของหมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนักโทษชายธันยะพงศ์ ชุดจับกุมจึงจัดกำลังปูพรมค้นหา กระทั่งพบรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้าที่นักโทษชายธันยะพงศ์ ขโมยมาจากหอพักใกล้กับเรือนจำถอดทิ้งไว้ขณะหลบหนี
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 31 มี.ค. ชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า พบบุคคลต้องสงสัยคล้ายกับนักโทษชายธันยะพงศ์ ในสภาพไม่สวมเสื้อ ลายสักเต็มตัว นุ่งกางเกงขาสั้น เดินเท้ามาอยู่ในละแวกบ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง ซึ่งอยู่ติดถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง และอยู่ห่างจากจุดที่นักโทษชายธันยะพงศ์จอดรถจักรยานยนต์ และถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ประมาณ 3 กม. กระทั่งพบตัวขณะแอบซุกซ่อนอยู่ข้างพุ่มไม้ริมถนนสายบุรีรัมย์-พุทไธสง บ้านผักกาดหญ้า ต.พรสำราญ อ.คูเมือง สภาพอิดโรย จึงเข้าทำการควบคุมตัว ก่อนนำตัวมาสอบสวนและควบคุมตัวไว้ที่ห้องขังของ สภ.คูเมือง
จากการสอบสวน นักโทษชายธันยะพงศ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมกลุ่มนักโทษได้ทำการทุบกำแพงพร้อมตัดกรงเหล็กออกมาจากบริเวณช่องทางเยี่ยมญาติของเรือนจำบุรีรัมย์ แล้วพากันวิ่งหลบหนีข้างกำแพงเรือนจำ โดยวิ่งอ้อมไปทางด้านหลังเรือนจำ พอไปถึงโรงแรมหรือหอพักได้พากันเข้าไปขโมยเสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ขับหลบหนี โดยได้แยกย้ายกันหลบหนี ตามภาพวงจรปิดที่เผยแพร่ออกไป
นักโทษชายธันยะพงศ์ ให้การต่อว่า ระหว่างนั้นตนวิ่งตกลงไปในบ่อระเบิดหิน และได้หลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนจึงปีนขึ้นมาจากบ่อระเบิดหิน แล้วไปเอารถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณหอพักของน้องสาว ที่หมู่บ้านโคกเขา ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ตนฝากไว้ก่อนถูกจับกุม จากนั้น จึงขับหลบหนีมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านโนนเมือง ซึ่งเป็นบ้านเกิด โดยซุกซ่อนตัวอยู่ในป่า กระทั่งช่วงสายทราบว่าตำรวจมาติดตามจับกุมตัว จึงจอดรถจักรยานยนต์และถอดเสื้อผ้าทิ้งไว้ ก่อนจะเดินหลบหนีและซุกซ่อนตัวอยู่ตามป่า และทุ่งนาเรื่อยมา จนถึงหมู่บ้านผักกาดหญ้า และมาถูกจับกุมตัวได้
"เหตุการณ์จลาจลครั้งนี้ ผมทราบเพียงว่า ก่อนหน้านี้ได้มีขาใหญ่ในเรือนจำ ได้เรียกตัวพ่อบ้านของแต่ละบ้าน คือขาใหญ่ของนักโทษแต่ละอำเภอ ไปพูดคุยกันว่าจะทำการแหกคุกในวันที่ 29 มี.ค. โดยระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ ได้เห็นเพื่อนนักโทษลุกฮือก่อเหตุจลาจล ผมจึงได้ไปร่วมกับเพื่อนนักโทษช่วยกันทุบทำลายกำแพงประตู ตัดกรงเหล็กแล้วทำการหลบหนี"
สำหรับนักโทษชายธันยะพงศ์ ถูกตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดจับกุมตัวได้พร้อมกับแฟนสาว ที่หมู่บ้านโคกเพชร ต.พรสำราญ อ.คูเมือง พร้อมยาบ้า 1,000 กว่าเม็ด ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 100 นัด โดยขณะทำการจับกุมนักโทษชายธันยะพงศ์ ได้ทำการต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย นอกจากนี้ นักโทษชายธันยะพงศ์ ยังเคยต้องโทษในคดียาเสพติดมาแล้ว และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.2563 ก่อนจะถูกจับกุมครั้งล่าสุดอีกครั้งเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และก่อเหตุแหกคุกดังกล่าว