จำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก พุ่งผ่าน 27,000 รายไปแล้ว และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในหลายประเทศของยุโรป โดยศูนย์ทรัพยากรไวรัสโคโรนาของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นแล้วในวันศุกร์ ศาสตราจารย์สตีฟ แฮงค์ จากมหาวิทยาลัยฮอปกินส์ กล่าวว่า ยุโรปได้เห็น “คลื่นยักษ์” ในช่วง 16 ชั่วโมง โดยสเปนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 6,000 ราย, เยอรมนีเพิ่มกว่า 5,400 รายและสหราชอาณาจักร ก็เพิ่มเกือบ 3,000 ราย
ตัวเลขจากรัฐบาลทั่วโลก ที่รายงานโดยสำนักข่าวเอเอฟพี ยังพบด้วยว่า ขณะนี้ ไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้ว 27,000 ราย ยุโรปถือเป็นทวีปที่มีการแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 17,000 ราย โดยมีอิตาลียอดผู้เสียชีวิตสูงที่สุด มากกว่า 9,000 ราย, สเปนตามมาเป็นอันดับ 2 ผู้เสียชีวิตเกือบ 5,000 ราย ขณะที่จีน อยู่ที่ 3 เสียชีวิตประมาณ 3,300 รายเท่านั้น
ส่วนในสหรัฐ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จนถึงวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐ อยู่ที่อย่างน้อย 104,661 รายแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 1,700 ราย โดยในวันพฤหัสบดีวันเดียว มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 402 ราย เป็นสถิติรายวันที่มากที่สุดในวันเดียว จากเมื่อวันก่อน 253 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อมีครบทั้ง 50 รัฐ รวมทั้งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และดินแดนอื่นๆ ของสหรัฐ และยังมีกรณีของชาวอเมริกันที่เดินทางกลับจากต่างประเทศด้วย
ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ แสดงให้เห็น มีผู้ติดเชื้อกว่า 597,304 รายทั่วโลก แต่ก็มีรักษาหายแล้วกว่า 127,5000 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของอิตาลี กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ผู้ติดเชื้อยังไม่ถึงระดับสูงสุดในประเทศเมดิเตอร์เรเรียนแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ซิลวิโอ บรูซาเฟอร์โร หัวหน้าสถาบันสุขภาพระดับสูง แถลงข่าวว่า มี “สัญญาณของการชะลอตัว” ในจำนวนผู้ติดเชื้อ