กมธ.สิทธิฯแนะรัฐบาลคิดให้รอบด้านก่อนออกประกาศ

2020-03-25 11:09:49

กมธ.สิทธิฯแนะรัฐบาลคิดให้รอบด้านก่อนออกประกาศ

Advertisement

กมธ.สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา แนะรัฐบาลออกประกาศ มาตรการใด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหารือ บูรณาการกันจนได้ข้อสรุปทุกมิติ รอบด้าน ไม่ใช่ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาหนึ่งแต่ไปกระทบกับอีกปัญหาหนึ่ง 

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. นายสมชาย แสวงการ ส.ว. และประธานคณะกรรมาธิการการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เลขาธิการแพทยสภา รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ผู้แทนเลขาธิการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต มาร่วมประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์เจลขาดแคลน รวมถึงการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ขายสินค้าเกินราคาและกักตุนหน้ากากอนามัย

นายสมชาย กล่าวว่า ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีประเด็นและข้อเท็จจริงที่ได้รับทราบ ประกอบด้วย 1.ประเด็นขาดแคลนหน้ากากอนามัย ขณะนี้มีการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับบุคคลากรทางการแพทย์วันละ 1.2 ล้านชิ้น ได้แก่ โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 500,000 ชิ้น โรงพยาบาลนอกสังกัด 90,000 ชิ้น โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย 130,000 ชิ้น โรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเอกชน 200,000 ชิ้น โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 80,000 ชิ้น และกระจายให้กลุ่มเสี่ยงที่ถูกกักตัว จำนวน 150,000 ชิ้น 2.สาเหตุของการขาดแคลนนั้นปัญหามาจากโรงงานผลิตในประเทศ11แห่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตเพื่อส่งออก มักติดสัญญาการผลิตและส่งออกเฉพาะไม่สามารถนำมาขายให้กับคนไทยได้ และที่ผ่านมาโรงพยาบาลรัฐสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจากจีนผ่านดีลเลอร์เพราะราคาถูกกว่า แต่เมื่อเกิดโรคระบาดในจีน จึงเกิดขาดแคลน

นายสมชาย กล่าวว่า 3.การขายสินค้าหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เกินราคา ไม่ได้มาตรฐาน ผ่านทางออนไลน์ เช่น ลาซาด้า และช้อปปี้ การขายหน้ากากเกินราคาควบคุมรวมถึงอุปกรณ์สำหรับใช้ผลิตหน้าผ้า เช่น ยางยืดม้วนละ 65 บาท ขึ้นราคาเป็น 650 บาทนั้น สคบ. กรมการค้าภายใน ตำรวจรับจะไปติดตามจับกุมดำเนินคดีและประสานแจ้งเตือนต่อไป 4.ปัญหาการขาดแคลนแอลกอฮอลล์ในรพและเพื่อผลิตเจล มีราคาสูง มีการปลอมปนและความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ถึง 70 เปอร์เซ็นต์  กรมสรรพสามิตแจ้งว่ามีนโยบายให้นำแอลกอฮอล์เข้าสู่ตลาดให้มากที่สุด โดยให้โรงงานเอทานอล 26 แห่ง เร่งนำแอลกอฮอล์เข้าสู่ตลลาดได้ ซึ่งจะทำให้ราคาแอลกอฮอล์และเจลพอเพียงและราคาถูก โดย กมธ.เห็นควรให้กรมศุลกากรยกเว้นอากรนำเข้าหน้าอนามัยและวัสดุในการผลิตหน้ากากอนามัยทุกประเภท รวมถึงการงดเก็บหรือลดภาษีอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ด้วย

นายสมชาย กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กมธ.ได้มีข้อเสนอเพิ่มเติม อาทิ เห็นควรให้รัฐบาลรวมการจัดตั้งศูนย์ COVID – 19 เพียงศูนย์เดียวลักษณะเดียวกันกับศูนย์บัญชาการกรณีถ้ำหลวง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ลดความสับสนและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของประชาชนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการบูรณาการข้อมูล เพื่อสื่อสารกับประชาชนที่ถูกต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ก่อนการแถลงข่าวในแต่ละวันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดประชุมเพื่อซักซ้อมข้อมูลให้ถูกต้องก่อน ต้องเร่งรณรงค์กันอย่างจริงจัง ให้ประชาชนรับทราบว่า คนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสามารถใช้หน้ากากชนิดผ้าได้ ส่วนหน้ากากอนามัยแบบ Surgical Mask หรือหน้ากาอนามัยทางการแพทย์นั้น. ต้องสงวนไว้เตรียมให้แก่บุคคลากรทางการแพทย์และบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่ายก่อน

"เจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะออกสื่อหรือบุคคลที่มีอิทธิพลทางสื่อโซเซียล (Influencer) ต้องเป็นต้นแบบให้ประชาชนเห็นด้วย การประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับประชาชนจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการและรูปแบบการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ที่ให้ประชาชนเข้าใจง่าย ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้กระทำผิดขายสินค้าเกินราคา นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องออกประกาศหรือมาตรการใด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหารือและบูรณาการกันจนได้ข้อสรุปที่มีข้อมูลทุกมิติ รอบด้าน ไม่ใช่การออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งแต่ไปกระทบกับอีกปัญหาหนึ่ง เป็นต้น" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ ตำรวจต้องเร่งติดตามความคืบหน้าในคดีนายบอย ที่โปรโมทขายหน้ากาก200ล้านชิ้น ภายหลังพบว่ามีความเกี่ยวโยงกับแกนนำพรรคการเมืองหนึ่ง และตรวจค้นจับหน้ากากอนามัย จำนวน 75,000ชิ้น แต่คดีไม่คืบหน้าและยังไม่มีการลงโทษในคดีอาญา ในทางกลับกันมาจับแม่ค้ารายย่อยตามท้องถนน ศาลได้ตัดสินจำคุกจำเลยแบบรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านอาจไม่เชื่อใจในกระบวนการยุติธรรมได้ ดังนั้น ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน