บุกรวบ! นายทุนเชียงใหม่ ตุนหน้ากาก ปล่อยขายแพง

2020-03-24 13:00:49

บุกรวบ! นายทุนเชียงใหม่ ตุนหน้ากาก ปล่อยขายแพง

Advertisement

สืบสวนภาค 5 บุกรวบนายทุนกักตุนหน้ากาก นำออกขายราคาแพง

วันที่ 24 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก นายประเสริฐ ฝ่ายชาวนา พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายทวิชย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปีอยู่บ้าน ม.2 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง หน้ากากอนามัยยี่ห้อหนึ่ง กล่องสีสมพู จำนวน 45,000 ชิ้น เงินล่อซื้อจำนวน 285,000 บาท นำตัวดำเนินคดีข้อหา “จำหน่ายสินค้าสูงกว่าราคาที่คณะกรรมกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการกำหนดและจำหน่ายหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ม.25(1) , ม.29 , ม.37 และ ม.41"

การจับกุมครั้งนี้ ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่ ทำการตรวจสอบและจับกุมผู้ที่มีพฤติการณ์จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาตามที่กฎหมายกำหนด ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบ พบว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ทำการขายหน้ากากราคาแพง จึงติดต่อล่อซื้อและจับกุมตัว นายประพรพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี อยู่บ้าน ม.12 ถ.เชียงใหม่-ฮอด ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และน.ส.ลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปีอยู่ ถ.เจริญเมือง ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางหน้ากากอนามัยจำนวน 750 ชิ้น ชิ้นละ 17 บาทโดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่าได้ซื้อหน้ากากอนามัยจากนายทวิชย์ ที่จำหน่ายราคาแพง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้ผู้ต้องหาทั้งสองคนขยายผล และทำการล่อซื้อจากนายทวิชย์ ในราคาชิ้นละ 14.25 บาททางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานกำลังจากพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และทำการติดต่อล่อซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 20,000 ชิ้นในราคา 285,000 บาทซึ่งได้มีการนัดหมายซื้อขายกันที่ตึกแถว ถ.โชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ต่อมานายทวิชย์ ได้มายืนรอและรับเงินจากเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบหน้ากากจำนวน 20,000 ชิ้นทางเจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัว ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายค้นและบุกเข้าค้นที่ร้านของนายทวิชย์ ก็พบหน้ากากอนามัย ซุกซ่อนอยู่ภายในร้านอีก 25,000 ชิ้น จึงอายัดทั้งหมดไว้เป็นของกลางนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป