“ไทย-กัมพูชา”บรรลุข้อตกลงทุกด้าน

2017-09-07 15:15:52

“ไทย-กัมพูชา”บรรลุข้อตกลงทุกด้าน

Advertisement

“บิ๊กตู่-สมเด็จฮุนเซน”หารือชื่นมื่น กัมพูชาฝากดูแรงงานถูกหลอกเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย ขณะที่ ฝ่ายไทยตกลงรับซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้น พรัอมจัดตั้งศูนย์การแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกัน เล็งเชื่อมต่อทางรถไฟไปถึงกรุงพนมเปญโดยเร็วเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์
 
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR ) ครั้งที่ 3 โดยร่วมลงนามเป็นสักขีพยานเอกสาร 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1.แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 ภายใต้หุ้นส่วนสันติภาพและการพัฒนา และ 2.ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย – กัมพูชา ที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ผลลัพธ์ของการหารือในครั้งนี้เป็นเหมือนเข็มทิศชี้ทางเดินร่วมกันของไทย-กัมพูชา โดยทางด้านเศรษฐกิจ ได้เน้นเรื่องการเชื่อมโยงเส้นทางถึงทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งต้องขยายการดำเนินการทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ส่วนการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน ฝ่ายไทยตกลงที่จะรับซื้อสินค้าเกษตรกรรมมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าการค้าของทั้ง 2 ประเทศที่ผ่านมา กัมพูชานำเข้าสินค้าไทยมากเป็น 5 เท่าของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชาส่วนเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงเปิดด่านถาวร 4 แห่ง เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก และกระชับความสัมพันธ์ให้มากขึ้น




“ขณะที่การแก้ปัญหายาเสพติดกับการค้ามนุษย์ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หยิบยกมาหารือกัน โดยกัมพูชาอยากให้คนงานเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกหลอกให้เข้ามาทำงานแบบผิดกฎหมาย ส่วนเรื่องยาเสพติด ไทยได้ตกลงช่วยเหลือในการบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติด และกัมพูชาคิดว่าจะจัดตั้งหมู่บ้านสีขาว เป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติดอีกด้วย”นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีความยินดีที่ได้กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้ง ตามคำเชิญของนายฮุนเซน ขอขอบคุณการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีและอบอุ่น ไม่ต่างจากการมาเยือนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 โดยการหารือร่วมกันวันนี้สิ่งที่อยากจะย้ำให้ตรงกับประเด็นที่นายฮุนเซนได้กล่าวไป คือ การรับซื้อสินค้าทางการเกษตร ไทยยินดีที่จะช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องพิจารณาการปรับปรุง พัฒนา คุณภาพสินค้าการเกษตร เพื่อเป็นการค้าขายร่วมกัน และส่งออกไปค้าขายต่างประเทศอีกด้วย



นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์ และแรงงานประมง ตกลงจะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้นในทุกประเด็น โดยเฉพาะแรงงานประมง เห็นตรงกันว่าจะคัดแยก และส่งแรงงานเหล่านี้ไปตามช่องทางที่มีอยู่ เพื่อให้รัฐบาลสามารถดูแลบุคคลเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติด ยินดีที่จะร่วมมือจัดตั้งศูนย์การแก้ปัญหายาเสพติด และให้ร่วมมือกันทั้ง 3 ขั้นตอน ตั้งแต่ป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟู ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงด้านคมนาคม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ทั้ง 2 ประเทศตกลงกันว่า จะหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ให้รถไฟเชื่อมต่อไปถึงกรุงพนมเปญให้ได้โดยเร็ว และถือเป็นเส้นทางสายรถไฟสายประวัติศาสตร์ ที่เชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเส้นแรก

สำหรับเป้าหมายทางการค้า ที่ตั้งเป้าไว้ร่วมกันที่ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 โดยมอบหมายให้หามาตรการเพิ่มเติม นอกจากการค้าขายระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าชายแดน ต้องอาศัยศักยภาพที่มีอยู่ทั้ง 2 ประเทศ หาทางเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้ได้มากขึ้น คาดว่าจะทำให้เสร็จโดยเร็ว ก่อนที่ พ.ร.บ.ศุลกากรฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ 13 พ.ย.นี้



นายกฯ กล่าวว่า การลงนามเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ต้องนำไปสู่การปฏิบัติด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง และยั่งยืน นอกจากนั้นพร้อมจะจัดทำแผนเตือนภัยพิบัติร่วมกัน เพื่อป้องกันตามแนวชายแดน และจะก้าวไปพร้อมกัน เข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีนโยบายทำงานร่วมกัน ไทยแลนด์ หรือ กัมพูชา +1 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาคและอนุภูมิภาคของเรา สุดท้ายขอขอบคุณในความร่วมือ ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ จนทำให้การประชุมเดินไปข้างหน้า ต้องเติบโตไปข้างหน้า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อยู่บนประโยชน์ที่ยั่งยืน บนพื้นฐานเชื่อมั่นไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไม่มีความหวาดระแวง เพื่อประชาชนทั้งสองฝั่ง ทั้งไทยและกัมพูชาได้กระชับความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นและตลอดไป