นับถอยหลัง ปิดเมืองปิดประเทศ มาตรการสุดเข้มข้นเลี่ยงไม่พ้น

2020-03-22 19:10:08

นับถอยหลัง ปิดเมืองปิดประเทศ  มาตรการสุดเข้มข้นเลี่ยงไม่พ้น

Advertisement


ระหว่างที่รอลุ้นการประกาศมาตรการเพิ่มเติมที่สุดเข้มข้นของรัฐบาล ในการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด 19 กทม.โดยพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ได้ประกาศมาตรการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปิดห้างสรรพสินค้า ปิดกิจการให้บริการที่สุ่มเสี่ยงเกือบทั้งหมด รวมทั้งตลาดทุกประเภท คงไว้เฉพาะแผงของสดและร้านขายอาหารประเภทใส่กล่องกลับบ้าน

หลังจากก่อนหน้านี้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล ก็มีมาตรการปิดโรงหนัง โรงมหรสพ สนามกีฬา มหาวิทยาลัย สถานศึกษา และสถานบันเทิงประภทขายเหล้าขายเบียร์ มีเด็กนั่งดริ๊งค์ไปแล้วระลอกแรก





ป้องกันการแพร่ขยายไวรัสโควิด 19 ที่เป็น"เชื้อชั่วไม่ยอมตาย"แม้แต่ในประเทศเขตร้อนอย่างไทยและประเทศต่างๆทั้งในอาเซี่ยนและเขตร้อนอื่นๆ

ผลพวงหลักจากการผ่อนคลายความเข้มข้น ทั้งที่ทำได้ผลครี้งแรกจากกรณี"อู๋ฮั่นโมเดล"กักตัวคนไทยและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากการนำคนไทยมากกว่า 130 คนกลับมาจากเมืองอู๋ฮั่น




แต่หลังจากนั้น มาตรการรับมือเริ่มขาดความเข้มข้นจริงจัง คนไทยและคนต่างชาติที่เดินทางกลับจากประเทศแพร่ระบาด อย่างเกาหลีใต้ หรือประทศกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ไม่ได้มีมาตรการกักตัวเฝ้าสังเกตุอาการ 14 วัน ปัญหาอาจเกิดจากไม่มีสถานที่หรือไม่ได้จัดเตรียมสถานที่รองรับ ทั้งที่ทราบกันดีว่า คนติดเชื้อโควิด 19 อาจไม่ได้แสดงอาการไข้ระหว่างเดินผ่านเทอร์โมสแกน

ยังไม่นับกลุ่มนักเดินทางที่ไม่ได้นั่งเครื่องมาจากประเทศแพร่ระบาดหรือสุ่มเสี่ยงโดยตรง แต่ใช้วิธีต่อเคริ่อง หรือเดินทางไปประเทศอื่นก่อน แล้วค่อยเดินทางเข้าประเทศไทย

ทำให้เกิดช่องโหว่อย่างปฏิเสธไม่ได้ บรรดา"ผีน้อย"จากเกาหลีใต้ เพ่นพ่านไปเที่ยว กิน ดื่ม แชร์กิจกรรมผ่านโซเชี่ยลสนุกสนาน



ยอดการพบคนติดเชื้อในไทยจากเดิมที่เคยเพิ่มแค่คนสองคน อย่างมากก็ยังเป็นหลักหน่วย จึงเริ่มพรวดพราดขึ้นหลักสิบ และเป็นหลักสิบที่สูงใกล้แตะหลักร้อย ทำให้ยอดคนติดเชิ้อเฉพาะถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปาทะลุไปกว่า 400 คน

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยไปถึงจุดที่ต้องลุ้นว่าจะเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะ 3 ได้อย่างไร คือไม่ได้ทำตามคำแนะนำของบุคคลากรอาวุโสในวงการสาธารณสุขไทย ที่รัฐบาลเขื้อเชิญไปให้ข้อมูลและคำแนะนำ อย่างที่เห็นภาพข่าวปรากฎในสื่อ อย่างน้อย 2-3 ครั้ง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

คณาจารย์ทางการแพทย์เหล่านี้ เสนอให้รัฐบาลเร่งประกาศมาตรการปิดบ้านปิดเมือง สั่งงดการเดินทางเคลื่อนย้ายของผู้คน เพื่อสะกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยเร็ว

ภายใต้มาตรการ "ล็อคดาวน์" ชูสโลแกน "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" แต่รัฐบาลไม่ได้ขานรับทันที โดยให้เหตุผลเกรงจะสร้างผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ แตกตื่น กักตุนสินค้า ผู้คนจะตกงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม พร้อมรับข้อเสนอดังกล่าวไว้ แต่ขอทำแบบค่อยเป็นค่อยไป



มาตรการชุดแรกจึงเป็นเพียงปิดสถานบันเทิง สนามกีฬา สถานศึกษา แต่ร้านอาหารคงไว้ เข่นเดียวกับห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ แต่ที่สำคัญ คือไม่มี"ล็อคดาวน์" ไม่ห้ามคนเดินทางทั้งในเมืองและระหว่างเมือง

ส่งผลให้คนติดเขื้อโควิด 19 จากกรณีต่างๆ ทั้งจากสนามมวย สถานบันเทิงย่านทองหล่อ และกลุ่มเดินทางไปประกอบศาสนกิจที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาลเซีย ขยายลุกลามออกไปอย่างน้อย 25 จังหวัดเข้าไปแล้ว

แม้ทางมหาดไทย จะให้อำนาจผู้ว่าฯพิจารณาสั่งปิดสถานบันเทิงและกิจการสุ่มเสี่ยงในจังหวัด รวมทั้งปิดด่านชายแดน แต่ก็ไม่ทันการณ์นัก

สถานการณ์จึงบานปลายเข้าสู่ช่วงรอยต่อสำคัญ จากระยะ 2.99999 กับระยะ 3 ซึ่งถึงอย่างไรก็เลี่ยงไม่พ้น



เพียงแต่ต้องลุ้นและติดตามว่า จะมีรายละเอียดและความเข้มข้นเพิ่มเติมอย่างไรเพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ หลังจากได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วว่า การขอความร่วมมือจะใช้ไม่ได้ผลกับคนบางจำพวก

และคนบางจำพวกที่ไม่เชื่อฟังและไม่มีจิตสำนึกนี่แหละ ที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ รวมถึงในอนาคตอันใกล้