อ่วม!คุก 8 ปี"บรรยิน"ฮุบหุ้น"เสี่ยชูวงษ์" (คลิป)

2020-03-20 15:50:48

อ่วม!คุก 8 ปี"บรรยิน"ฮุบหุ้น"เสี่ยชูวงษ์" (คลิป)

Advertisement

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสียชูวงษ์ มูลค่า กว่า 263 ล้านบาท โดยมี นางสาวกัญฐนา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตพริตตี้ เป็นจำเลยที่ 1, นางสาววัชรียา วัชรประยงค์วุฒิ หรือน้ำมนต์ (เดิม คือ น.ส.อุรชา หรือป้อนข้าว วชิรกุลฑล จำเลยที่ 2, พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ที่ได้รับโอนหุ้นจากนางสาวอุรชา เป็นจำเลยที่ 4 ในความผิดฐาน ปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม


โดยวันนี้ นางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) นางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และนางศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ส่วน พันตำรวจโทบรรยิน ไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำเนื่องจากขณะนี้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ศาลจึงใช้วิธีการอ่านคำพิพากษาผ่านวีดีโอคอนเฟอเร้นจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ



ศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของโจทก์แล้วพบว่า มีการลบและแก้ไขข้อความในเอกสารหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ก่อนโอนหุ้นเข้าบัญชีของนางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) มูลค่า 228 ล้านบาท และเข้าบัญชีมารดาของนางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังพบพิรุธอีกหลายจุด อาทิ พันตำรวจโทบรรยิน ยื่นขอเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการทำธุรกรรมตลาดหลักทรัพย์ของนายชูวงษ์ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ของตัวเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้โทรยืนยันกับนายชูวงษ์ ที่หมายเลขโทรศัพท์เดิม ซึ่งถือว่าผิดระเบียบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนคลิปเสียงที่อ้างว่านายชูวงษ์ ยืนยันการโอนหุ้นก็ไม่ใช่เสียงของนายชูวงษ์ แต่พยานหลายคนยืนยันว่าคล้ายเสียงกับพันตำรวจโทบรรยิน



นอกจากนี้ยังพบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายสถานที่ รวมถึงบันทึกการใช้โทรศัพท์ และประวัดการเดินทางเข้าออกนอกประเทศ รวมทั้งการตรวจดีเอ็นเอบุตรของนางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) ทำให้เชื่อได้ว่าพันตำรวจโทบรรยิน มีความสัมพันธ์ทางชูสาวกับนางสาวกัญฐนา (น้ำตาล) และนางสาววัชรียา(ป้อนข้าว) แต่กลับไม่พบหลักฐานความสัมพันธ์เชิงชู้สาวระหว่างนายชูวงษ์ กับหญิงสาวทั้ง 2 คน

จากพยานหลักฐานจึงเชื่อได้ว่า พันตำรวจโทบรรยิน และหญิงสาวทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกัน และร่วมกันวางแผน โดยอาศัยความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายชูวงษ์ เพื่อยักย้ายทรัพย์สินของนายชูวงษ์ ไปซื้อบ้าน รถ และเลี้ยงดูหญิงสาวทั้ง 2 คน เพิ่อให้ความมั่นคงต่อทั้งคู่ ศาลจึงรับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย ว่า จำเลยทั้ง 3 คนร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ์และใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม ศาลจึงพิพาษาจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 4 ปี

ส่วนพันตำรวจโทบรรยิน จำเลยที่ 3 ศาลสั่งจำคุก 8 ปี ขณะที่ มารดาของนางสาวอุรชา ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่ามีส่วนรู้เห็นกับการปลอม หรือใช้เอกสารของนายชูวงษ์ เพื่อโอนหุ้น แต่ยอมเปิดบัญชีรับหุ้มตามที่ลูกสาวอ้างว่าแฟนหนุ่มต้องการโอนหุ้นให้ แต่ลูกสาวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดทำให้ไม่สามารถรับโอนหุ้นได้โดยตรง มาดารย่อมให้การช่วยเหลือบุตรสาวตามคำขอเป็นเรื่องปกติ ส่วนทรัพย์สินของกลางในคดีศาลสั่งให้ริบทรัพย์ทั้งหมด

ภายหลังศาลพิพากษา นางวันเพ็ญ แซ่ตั๊ง พี่สาวของชูวงษ์ กล่าวขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังจากต่อสู้คดีมานาน 4 ปี 9 เดือน และวันนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนตามพยานหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่าทั้งหมดร่วมกันกระทำความผิดจริง



นอกจากนี้คำพิพากษาของศาล ยังสร้างความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์ ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งกรณีถูกพันตำรวจโทบรรยิน ใส่ความว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสาววัชรียา (ป้อนข้าว) และนางสาวกัญฐณา (น้ำตาล) ว่าไม่เป็นความจริงด้วย หลังจากนี้หากฝ่ายจำเลยจะยื่นอุทธรณ์คดี ทางครอบครัวก็ยังคงมั่นใจในพยานหลักฐาน รวมทั้งยังมีทีมทนายหลายทีมที่จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด




นางวันเพ็ญ ยังกล่าวถึงคดีโอนหุ้น 300 ล้านของนายชูวงษ์ ซึ่งต่อสู้มานานกว่า 4 ปี ว่า โดยส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างยืดเยื้อ อาจเป็นผลมาจากการที่อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ สั่งฟ้องคดี ทำให้ครอบครัวต้องยื่นฟ้องศาลด้วยตัวเอง จึงอยากให้มีการตรวจสอบย้อนหลังการทำงานของอดีตอธิบดีอัยการฯ คนดังกล่าว ว่าพิจารณาสำนวนคดีอย่างเป็นธรรมหรือไม่ เพราะโดยส่วนตัวมองว่าหากสั่งฟ้องคดีตั้งแต่แรก ก็จะทำให้คดีสิ้นสุดภายใน 2 ปี

สำหรับคำพิพากษาในวันนี้ ทำให้ครอบครัวมั่นใจในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ มากขึ้น เพราะแสดงให้เห็นถึงมูลเหตุจูงใจว่านายชูวงษ์ เสียชีวิตจากปมโอนหุ้นมูลค่ามหาศาล หลังจากนี้ทีมทนายความจะคัดคำพิพากษาแล้วนำไปยื่นต่อศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อให้พิจารณาคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ หลังจากที่มีการจำหน่ายคดีไว้




ส่วนหุ้นจำนวน 300 ล้านบาทที่ถูกอายัดระหว่างดำเนินคดี ทางครอบครัวจะนำผลคำพิพากษาในคดีอาญาไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ดำเนินการต่อไป

นางวันเพ็ญ ยังกล่าวแสดงความเสียใจกับผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าสำนวนคดีคนก่อนหน้านี้ ที่ต้องสูญเสียพี่ชายจากการเข้ามารับผิดชอบคดี ขณะเดียวกันได้ขอบคุณสื่อที่ติดตามคดีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การวิ่งเต้นของฝ่ายจำเลยไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจำเลยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว โดยในส่วนของนางสาวกัญฐณษ หรือน้ำตาล จำเลยที่ 1 ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด และที่ดินมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท