จีนเผยรายงานสืบสวนกรณี ‘หลี่เหวินเลี่ยง’ แพทย์พิทักษ์ความจริงผู้ล่วงลับ

2020-03-20 12:20:14

จีนเผยรายงานสืบสวนกรณี ‘หลี่เหวินเลี่ยง’ แพทย์พิทักษ์ความจริงผู้ล่วงลับ

Advertisement

จีนเผยแพร่รายงานผลการสืบสวนกรณีเกี่ยวกับนายแพทย์หลี่เหวินเลี่ยง ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการตรวจสอบแห่งชาติ (National Supervisory Commission) ของจีน เมื่อวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ที่ผ่านมา

หลี่เหวินเลี่ยง จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่นและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2020 ด้วยอายุ 34 ปี  อนึ่ง จีนจัดตั้งทีมสืบสวนสอบสวนพิเศษในวันเดียวกับที่หลี่เสียชีวิต 

รายงานระบุว่าเมื่อเดือนธันวาคม 2019 โรงพยาบาลหลายแห่งในอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ได้รับผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุจำนวนหนึ่ง ต่อมาวันที่ 30 ธ.ค. 2019 คณะกรรมการสุขภาพนครอู่ฮั่นออกเอกสารภายในที่สั่งให้พยายามรักษาผู้ป่วยเหล่านั้น

ไม่นานหลังได้รับข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานในวันที่ 30 ธ.ค. 2019 หลี่โพสต์ข้อความ รูปภาพ และคลิปวิดีโอในกลุ่มสนทนาบนแอปพลิเคชันวีแชท (WeChat) กลุ่มหนึ่ง ซึ่งข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า “ยืนยันผู้ป่วยโรคซาร์ส 7 ราย ที่ตลาดผลไม้และอาหารทะเลหัวหนาน”

ต่อมาหลี่ส่งข้อความเพิ่มเติมในกลุ่มสนทนาดังกล่าว ระบุว่า “จากข้อมูลล่าสุด ยืนยันแล้วว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสโคโรนา กำลังตรวจสอบสายพันธุ์ของไวรัสอยู่ … เตือนคนในครอบครัวให้ระมัดระวังด้วย”




ข้อความดังกล่าวกอปรกับข้อมูลลักษณะคล้ายคลึงกันอื่นๆ ก่อให้เกิดกระแสสนใจจนนำไปสู่การถกเถียงพูดคุยในหมู่สาธารณชน


วันที่ 3 ม.ค. 2020 สถานีตำรวจท้องถิ่น สังกัดสำนักความมั่นคงสาธารณะอู่ฮั่น ทำการเรียกตัวหลี่มาพูดคุยด้วยเจตนาจัดเตรียมการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบที่ยังไม่ทราบสาเหตุ หลี่กล่าวระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเรื่องผิดพลาดที่ส่งข้อความเกี่ยวกับโรคซาร์สในกลุ่มสนทนาบนแอปพลิเคชันวีแชท ด้านตำรวจได้ออกจดหมายตำหนิตักเตือนหลี่ 




วันที่ 10 ม.ค. 2020 หลี่เริ่มมีไข้ ต่อมาเขาเข้ารับการรักษาในวันที่ 12 ม.ค. ณ หอผู้ป่วยจักษุของโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น ก่อนถูกย้ายไปหอผู้ป่วยหมายเลข 3 ของแผนกโรคระบบทางเดินหายใจและการดูแลพิเศษในอีก 2 วันถัดมา
หลี่ถูกย้ายตัวอีกครั้งไปยังหอผู้ป่วยหนักของแผนกโรคระบบทางเดินหายใจและการดูแลพิเศษในวันที่ 23 ม.ค. และเสียชีวิตในวันที่ 7 ก.พ. โดยคณะแพทย์ประจำแผนกของหลี่ระบุว่าการรักษาหลี่เป็นไปตามกระบวนการและทันท่วงที

สำนักทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมนครอู่ฮั่นระบุให้กรณีของหลี่เป็นการบาดเจ็บจากการทำงาน พร้อมจัดสรรเงินอุดหนุนกรณีเสียชีวิตและค่าฌาปนกิจศพโดยสอดคล้องกับกฎระเบียบต่างๆ ด้านครอบครัวของหลี่ได้รับการจ่ายเงินจากแผนประกันชีวิตที่ได้รับบริจาค

ทีมสืบสวนสอบสวนชี้แนะหน่วยงานตรวจสอบในท้องถิ่นพิจารณาการออกจดหมายตำหนิตักเตือนหลี่ ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมและไม่เคารพกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกระตุ้นตำรวจเรียกคืนจดหมาย ดำเนินการกับผู้มีส่วนรับผิดชอบ และเผยแพร่ผลในเวลาที่เหมาะสม




ทีมสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่นในวันที่ 8 ก.พ. เพื่อดำเนินการสืบสาวเรื่องราวอย่างละเอียด ทำให้ข้อเท็จจริงพื้นฐานต่างๆ เกิดความกระจ่างชัดเจน โดยหลี่มิได้เจตนาปั่นป่วนความเป็นระเบียบของสังคมด้วยการส่งข้อความบนแอปพลิเคชันวีแชท

รายงานชี้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้ทำการวินิจฉัยกรณีผู้ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างถี่ถ้วน และยังไม่เข้าใจสถานการณ์การระบาดของโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำในเวลานั้น 

นอกจากนั้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หลี่ส่งต่อข้อความโดยปราศจากการรับรองความถูกต้อง เนื้อหาบางส่วนไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นจริงเต็มร้อย ซึ่งโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่นไม่ได้ลงโทษหรือมีการเพิกถอนใบอนญาตประกอบวิชาชีพจากหลี่

สำหรับกลุ่มบุคคลที่การสืบสวนสอบสวนพบว่าถ่วงการรับมือโรคระบาด หละหลวมในการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุม และล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง จะถูกสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อนำตัวมารับผิดชอบต่อไป



เจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนสอบสวนระบุว่าหลี่ส่งต่อและโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อกระตุ้นเตือนเพื่อนร่วมวิชาชีพดำเนินการเฝ้าระวัง โดยข้อมูลที่เขาโพสต์กลายเป็นกระแสในวงกว้าง ที่ช่วยดึงดูดความสนใจระดับสูงต่อโรคระบาด และเอื้อให้เกิดการป้องกันและควบคุม หลี่เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับการยกย่องและประกาศเกียรติคุณจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) และหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. เนื่องจากต่อสู้กับโรคโควิด-19

เจ้าหน้าที่เสริมว่าความพยายามมุ่งร้ายบางส่วน ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีน ได้แปะป้ายให้หลี่กลายเป็น “ผู้ชนะ” ของการต่อต้านการเมืองกระแสหลัก (anti-establishment) ซึ่งไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง
หลี่ผู้เป็นสมาชิกพรรคฯ ไม่ได้เป็น “บุคคลที่ต่อต้านการเมืองกระแสหลัก” ทำให้ความพยายามมุ่งร้ายด้วยแรงจูงใจเบื้องลึกเหล่านั้นที่หวังปลุกปั่นความวุ่นวาย หลอกลวงประชาชน และยุยงความรู้สึกของสาธารณชน ไม่ประสบความสำเร็จดังต้องการ