กมธ.ป.ป.ช.เชิญ "อธิบดีกรมการค้าภายใน-เลขาธิการ ปปง." แจง 18 มี.ค. ล่าไอ้โม่งกักตุนหน้ากากอนามัย
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นประธานในการประชุม ทั้งนี้ กมธ.ได้เชิญนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลด้วย
โดย นายสมชัย กล่าวช่วงหนึ่งว่า จากการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเชื่อมั่นว่า จำนวนหน้ากากอนามัยที่ผลิตในประเทศมีปริมาณมากกว่า 200 ล้านชิ้น ไม่ใช่มีกำลังการผลิตเพียงแค่หลักสิบล้านชิ้นจาก 11 โรงงาน เนื่องจากช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เคยให้ข้อมูลหลังจากการตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยว่า มีเพียงพอต่อความต้องการ เพราะมีจำนวนในสต็อกมากกว่า 200 ล้านชิ้น ทั้งนี้ ตนสงสัยกรณีที่หน้ากากอนามัยขาดแคลนในโรงพยาบาล อีกทั้งประชาชนทั่วไปก็ไม่สามารถหาซื้อได้ เพราะมีกระบวนการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยเกินจำนวนที่ควบคุมหรือไม่ เพราะตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเลขาธิการฯ นั้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา มีสาระสำคัญห้ามส่งออกเกิน 500 ชิ้นต่อ 1 ครั้ง แต่การแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 20 ก.พ.ระบุว่า ห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด แต่ยกเว้นหากได้รับการอนุญาตส่งออกจากอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยประกาศดังกล่าวนั้น ประชาชนอาจจะรู้สึกดี เพราะเข้าใจว่าห้ามส่งออกใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในข้อเท็จจริงตนแปลความได้ว่า การส่งออกสามารถทำได้ และมากกว่า 500 ล้านชิ้นหากอธิบดีการค้าภายในอนุญาต
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ตนสงสัยว่าจะมีเอกชนรู้ข้อมูลอินไซด์ และทำเรื่องขออนุญาตส่งออกโดยไม่จำกัดจำนวนในช่วงระหว่างวันที่ 4-20 ก.พ.หรือไม่ เพราะหากขายต่างประเทศจะทำให้ราคาสูงขึ้นถึง 10 เท่าตัวต่อชิ้น นอกจากนี้ ทราบจากข่าวว่ามีบุคคลชื่อบอย โพสต์บัญชีธนาคารและข้อความ ระบุว่า เงินดังกล่าวมาจากการขายหน้ากากอนามัยถึงหลักร้อยล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องสอบข้อเท็จจริงรวมถึงเส้นทางทางการเงิน โดยเสนอให้ขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สอบบัญชีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าจะเป็นของบุคคลที่โพสต์ขายหน้ากากอนามัยตามที่ปรากกฏเป็นข่าวหรือไม่ ส่วนการกระจายหน้ากากอนามัยไปยังโรงพยาบาลและร้านจัดจำหน่ายนั้น ตามข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะกระจายหน้ากากต่อวันได้ถึง 1.2 ล้านชิ้น โดยแบ่งให้โรงพยาบาล 7 แสนชิ้น และร้านจำหน่ายต่างๆ 5 แสนชิ้นนั้น ข้อเท็จจริงพบว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้กระจายสินค้าเอง แต่ให้องค์เภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้กระจายไปยังโรงพยาบาล ขณะที่การกระจายไปยังร้านค้าเพื่อจำหน่ายให้ประชาชนนั้น มอบหมายให้โรงงานเป็นผู้จัดส่ง ดังนั้น ในกระบวนการตรวจสอบ ควรนำข้อมูลปริมาณหน้ากากอนามัย จำนวนโรงพยาบาลและร้านค้าที่อภ.และโรงงานส่งไปยังที่ต่างๆ มาตรวจสอบด้วย
ภายหลังนายสมชัยให้ข้อมูลต่อ กมธ.แล้วนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่อง และพร้อมพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยจะเชิญเลขาธิการ ปปง. และอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มาชี้แจงในวันที่ 18 มี.ค. เวลา 13.00 น. จากนั้นได้มอบหมายให้นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้รับผิดชอบ
นายธีรัจชัย กล่าวภายหลังการประชุมว่า กรณีที่เชิญเลขาธิการ ปปง.มาชี้แจงนั้น เพราะต้องการรู้ถึงเส้นทางทางการเงินว่า สามารถโยงถึงกลุ่มบุคคลใดได้บ้าง ส่วนข่าวที่ระบุว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น กมธ.ยังไม่ได้ตั้งธงในประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว แต่เชื่อว่าในการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินจะสามารถโยงไปถึงคนที่เกี่ยวข้องได้