เหยื่อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 113,000 คน

2020-03-10 15:25:48

เหยื่อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 113,000 คน

Advertisement


เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดไปทั่วโลก จุดชนวนให้อิตาลีต้องปิดประเทศและทั่วโลกใช้มาตรการต่าง ๆ รับมือ ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเกือบ 113,000 คนแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพบการแพร่ระบาดครั้งแรก แต่อัตราการติดเชื้อในจีน เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์กำลังเสถียร แม้ว่า การระบาดของไวรัสจะสร้างความปั่นป่วนโกลาหลไปทั่วโลก

เพื่อแสดงความเชื่อมั่นให้ชาวโลกได้เห็น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เดินทางไปเยือนเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ (อังคาร) ซึ่งเป็นการเยือนอู่ฮั่นครั้งแรก ตั้งแต่เริ่มวิกฤตไวรัสระบาด



การเดินทางเยือนอู่ฮั่นครั้งนี้ มีขึ้นขณะที่ทางการจีนประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19 คน ซึ่งในจำนวนนี้ 17 คนอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ส่วนอีก 2 คน มาจากต่างประเทศ ทำให้เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ไม่มีการระบาดนอกมณฑลหูเป่ย ที่มีอู่ฮั่นเป็นเมืองเอก

ในจำนวนผู้ป่วย 80,754 คนในจีน มีเกือบ 60,000 คน ที่รักษาหายและได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้แล้ว



ส่วนประเทศเอเชียอื่น ๆ เช่นเกาหลีใต้ ผู้ติดเชื้อก็กำลดลง โดยเกาหลีใต้ ซึ่งมีการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยมากกว่า 190,000 คน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตรวจหาเชื้อไวรัสฟีทั่วประเทศ สถิติการติดเชื้อในวันอังคาร ถือว่าต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เกาหลีใต้อาจ "ผ่านจุดสูงสุด" ของการระบาดมาแล้ว จากการเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็น ของนายปาร์ค เนียงฮู รัฐมนตรีสาธารณสุขของเกาหลีใต้

แต่สัญญาณความคืบหน้าที่ยังต้องระมัดระวังเหล่านี้ ทำให้ผ่อนคลายได้บ้างกับสถานการณ์ที่เลวร้ายในชาติตะวันตก โดยหลายรัฐทั่วสหรัฐ เตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้แต่สมาชิกรัฐสภาหลายคนก็กักตัวเอง หลังจากสัมผัสผู้ป่วย ส่วนในยุโรป การระบาด ซึ่งเริ่มต้นในอิตาลี แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและระบาดในวงกว้าง หลายประเทศที่อยู่ใกล้กับอิตาลี เช่นเยอรมนี รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

ในการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและถูกต้องตามกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจุสเซปเป คอนเต ของอิตาลี ประกาศปิดตายทุกพื้นที่ทั่วประเทศและกักบริเวณประชาชน 60 ล้านคนเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกักบริเวณอย่างกว้างขวาง เพื่อควบคุมและสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อวันจันทร์ ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 463 ราย และผู้ติดเชื้อ 9,172 คน

แคว้นลอมบาร์ดี ภาคเหนือ และอีก 14 จังหวัดถูกกักและปิดเมืองไปก่อนหน้านี้ แต่คำสั่งใหม่นี้ จะขยายครอบคลุมไปทั่วประเทศ ขณะที่ไวรัสยังคงระบาดไปทั่วอิตาลีและยุโรปแผ่นดินใหญ่



มาตรการเข้มงวดต่าง ๆ เหล่านี้ รวมทั้งจำกัดการเดินทาง, ห้ามการชุมนุมในที่สาธารณะทั้งหมด, ปิดโรงเรียนและสถานที่สาธารณะ เช่นโรงภาพยนตร์ และระงับกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งรวมทั้งการฝังศพ หรือแต่งงาน

ส่วนในสหรัฐ ไวรัสโควิด-12 ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอย่างน้อย 20 รัฐแล้วเมื่อวันจันทร์ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 717 คน และเสียชีวิต 26 คน การระบาดเกิดขึ้นใน 36 รัฐ และวอชิงตัน ดีซี. เมืองหลวงด้วย

รัฐวอชิงตัน มีการระบาดอย่างรุนแรงที่สุด มีผู้เสียชีวิต 22 คนจากทั้งสิ้น 26 คน และมีผู้ติดเชื้อ 180 คนในรัฐวอชิงตัน มีอย่างน้อย 10 รัฐ ซึ่งรวมทั้งรัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งทำให้ผู้ว่าการรัฐเข้าถึงงบประมาณฉุกเฉิน หรือมีอำนาจพิเศษในการแก้ปัญหา แต่ก็มีสัญญาณความขัดแย้งกับรัฐบาลกลางเพิ่มมากเกี่ยวกับการจัดการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัส โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก วิพากษ์วิจารณ์ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี ของสหรัฐ ว่าทำการตรวจสอบล่าช้า และเมื่อต้นเดือนนี้ เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าไม่ยึดติดกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์



ความหวาดกลัวและสงครามราคาน้ำมัน จุดชนวนให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ โดยตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก ขณะที่ ราคาน้ำมันก็ร่วงลง หลังจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ประกาศสงครามราคากับรัสเซีย พันธมิตรสำคัญ และวิกฤตน้ำมันก็เลวร้ายลงจากไวรัสโควิด-19 ด้วย เนื่องจากทำให้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน