นายกฯเห็นแล้วกรณี “เพจแหม่มโพธิ์ด”แฉการกักตุนหน้ากากอนามัยส่งออกนอก ชี้คนที่ถูกอ้างไปแจ้งความแล้ว ลั่นไม่คุย “ธรรมนัส” ถ้าตรวจสอบแล้วเกี่ยวข้องกับใครก็ลงโทษไป ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่กระทรวงพลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนว่า วันนี้มีการกระจายตามสัดส่วน ซึ่งตัวเลขโดยประมาณผลิตเดือนละ 38 ล้านชิ้นจาก 11 โรงงาน เฉลี่ยวันละ 1.8 ล้านชิ้น มีสัดส่วน 8-9 แสนชิ้นที่ลงไปสู่บุคลากรทางการแพทย์ แต่ปัญหาคือการบริหารจัดการ ซึ่งเท่าที่ดูตัวเลขตอนนี้ส่งไปครบถ้วนแต่จะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอแล้วจะทำอย่างไร ในส่วนที่เหลือก็แจกจ่ายไปตามร้านค้าปกติ ซึ่งมีระบบส่งจากพ่อค้าคนกลางไปสู่ร้านค้า แต่วันนี้หลายร้านค้าไม่มีของ ก็ต้องไปดูว่าหายไปไหน ซึ่งได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ไปตรวจสอบใน 5 จุด ที่อาจจะมีการกักตุน รวมทั้งในจุดที่มีการแพร่ในโซเชียลมีเดีย ขณะนี้รอผลตรวจสอบอยู่ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่เพจแหม่มโพธิ์ดำออกมาระบุถึงคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กักตุนหน้ากากอนามัยส่งออกนอก นายกฯ กล่าวว่า ตนเห็นจากรายงานที่ขึ้นมา ส่วนเจ้าตัวที่ถูกอ้างได้ไปแจ้งความแล้ว ก็ไปว่ากันมาเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยไปว่ากันอีกที
ต่อข้อถามว่าจะพูดคุยกับร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่คุย ถ้าตรวจสอบแล้วเกี่ยวข้องกับใครก็ลงโทษไป อย่าเอามาพันกัน อันนี้เป็นคำกล่าวอ้างต้องไปพิสูจน์กันมา ถ้าเกี่ยวข้องกันจริงก็สืบถึงตรงนั้นอยู่ดี ให้เวลาเขาทำงานตรวจสอบตามกลไกของกฎหมาย ต้องให้ความเป็นธรรมทุกภาคส่วน ไม่ใช่พูดอะไรกันมาก็บอกว่าผิดตั้งแต่ต้น ตนไม่ยุ่งกับกระบวนการยุติธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด อย่าเพิ่งไปว่าผิดหรือถูกตอนนี้เดี๋ยวก็เคยตัวกันหมด บางทีก็เป็นคำกล่าวอ้างคำบอกเล่า แต่ต้องพิสูจน์นั่นคือความเป็นธรรมบังคับใช้กฎหมาย