“เทพไท”หนุนนายกฯเปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน แนะเปิดกว้างให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มไม่เลือกปฎิบัติ จัดฉากนำมวลชนเพียงบางกลุ่มเข้าพบเพื่อสร้างภาพในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเท่านั้น
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เฟซบุ๊กไลฟ์จากสภากาแฟร้านคุณมงคล ต.นาพรุ อ.พระพรหม กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ปรับโหมด เปิดแนวรุกใหม่ ด้วยการเปิดแคมเปญซีรีส์ “มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” เปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรง ว่า ขอสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ นายกรัฐมนตรีจะได้สัมผัสกับพี่น้องประชาชนโดยตรง ซึ่งตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง พยายามจะปรับบทบาทใหม่ให้เหมือนกับนักการเมืองทั่วไปให้มากที่สุด จะใช้บุคคลิกแบบ พบง่ายใช้คล่อง หรือใจถึงพึ่งได้ ที่นักการเมืองหลายคนใช้หาเสียงกัน การเปิดทำเนียบเพื่อพบกับประชาชนเมื่อวานที่ผ่านมา เป็นการเตรียมการโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด เพราะเห็นว่าทั้ง 3 ท่าน มีประสบการณ์งานมวลชนมาอย่างโชกโชน เพราะเป็นอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มาหลายสมัย และเคยเป็น กปปส.มาก่อน จึงได้รับมอบหมายให้เปิดแนวรุกด้านมวลชนขึ้นมาใหม่
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ถ้าหากเป็นความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรจะเปิดกว้างให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าพบ โดยไม่มีการเลือกปฎิบัติ ต้องไม่เป็นการจัดฉากนำมวลชนเพียงบางกลุ่มเข้าพบเพื่อสร้างภาพในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเท่านั้น สิ่งที่พิสูจน์ได้ง่ายที่สุดก็ คือ พล.อ.ประยุทธ์กล้าพบกับแกนนำผู้ชุมนุมที่มาร้องทุกข์ หรือชุมนุมหน้าทำเนียบหรือไม่ และการสัมผัสกับมวลชนที่กระทำได้ง่ายที่สุด ก็คือ ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการ หรือ ครม.สัญจร สามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าพบอย่างใกล้ชิด และร้องทุกข์ด้วยตัวเองได้ง่ายที่สุด ต้องกำชับไม่ให้มีข้าราชการคอยกีดกัน หรือทีมรักษาความปลอดภัยคอยขัดขวาง และนายกรัฐมนตรีควรปรับปรุงท่าที หรือความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้ ต้องไม่มีภาพเหมือนตอนนายกรัฐมนตรีพูดตะคอกใส่นายภรัณยู เจริญ ชาวประมง เมื่อ26 พฤศจิกายน 2560 ครั้งลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่จังหวัดปัตตานี