ปักกิ่ง, 2 มี.ค. (ซินหัว) จีนใช้วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นอาวุธอันทรงพลังที่สุด เข้าต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 และพัฒนาหนทางการรักษาให้ประสบความสำเร็จรวดเร็วเท่าใด ก็จะช่วยชีวิตคนได้มากขึ้นเท่านั้น ทั้งชัยชนะก็จะมาถึงเร็วขึ้นเช่นกัน
ความเชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของมนุษย์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัส มาพร้อมความตื่นตระหนก ข่าวลือ และคำลวง นับเป็นการทดสอบจิตสำนึก สติปัญญา และความเชื่อในวิทยาศาสตร์ของมนุษย์
"สีจิ้นผิง" ประธานาธิบดีจีนได้เน้นย้ำมาตลอดถึงการใช้วิทยาศาสตร์เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด 19 โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (2 มี.ค) สีจิ้นผิงได้ไปเยือนสถานที่สำคัญ 2 แห่ง ในกรุงปักกิ่ง พร้อมย้ำถึงการยกระดับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับไวรัส เพื่อสนับสนุนภารกิจเอาชนะโรคระบาดในครั้งนี้
การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยเร่งการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 เพื่อปกป้องสุขภาพของชาวจีน 1.4 พันล้านคน รวมถึงผู้คนทั่วโลก
การระบาดของไวรัสเป็นอีกหนึ่งบททดสอบการเตรียมความพร้อมทางวิทยาศาสตร์ของจีน จีนปรับใช้ความได้เปรียบเชิงระบบ บวกกับความสามารถในการระดมทรัพยากร วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทั้งหมด โดยมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือเพื่อไขว่คว้าชัยชนะ
รัฐบาลจัดทัพผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์คลินิก ระบาดวิทยาไวรัสวิทยา และอื่นๆ เพื่อตรวจสอบลักษณะสำคัญของไวรัส การแพร่กระจาย และความเป็นพิษ นอกจากนี้ทางด้านมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ และบริษัทอีกหลายแห่งล้วนผนึกกำลังเพื่อเป็นแนวหน้าของการวิจัยพัฒนาวัคซีนและยาเพื่อใช้ในการรักษา
ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ความพยายามเหล่านี้ก็เริ่มผลิดอกออกผล โดยจีนสามารถระบุไวรัสได้อย่างรวดเร็วในระดับทำลายสถิติ อีกทั้งขยายขีดความสามารถในการทดสอบ และกลายเป็นผู้นำการพัฒนาสารเคมีตรวจจับกรดนิวคลีอิก โดยมีปริมาณการผลิตเพียงพอเพื่อใช้ภายในประเทศ
นอกจากนี้ จีนยังคัดเลือกยาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงยาแพทย์แผนจีนมาใช้ในการรักษา และนำยาหลายตัวเข้าสู่กระบวนการทดสอบทางคลินิก ทางการจีนยังได้เร่งพัฒนาวัคซีนหลายตัวด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวด แม้จะมีข้อกังขาว่าการพัฒนาวัคชีนยังต้องใช้เวลานานก็ตาม อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญชาวจีนคาดการณ์อย่างมั่นใจว่า ภายในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม วัคซีนบางชนิดจะสามารถเข้าสู่การทดสอบทางคลินิก หรือสามารถนำไปใช้ในกรณีฉุกเฉินได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะได้
ความสำเร็จดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจีนมีความสามารถในการป้องกันโรคระบาดมากขึ้น ทั้งยังมีความก้าวหน้าในแวดวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ความแข็งแกร่งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ครอบคลุม อันรวมถึงการลงทุนด้านการวิจัย และพัฒนาที่เพิ่มสูงขึ้นการมีบุคลากรและเทคโนโลยีกลุ่มใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ประกอบการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงบทบาทของพวกเขาในฐานะ "ผู้เล่นหลัก" ในการสรรค์สร้างนวัตกรรม ส่งผลให้จีนสามารถปัดเป้าความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน ประสบความสำเร็จในการเผชิญหน้ากับไวรัส และเดินหน้าดำเนินงานสกัดกั้นไวรัส โดยใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพและได้ผลจริง
แสงแห่งความหวังกำลังส่องประกายขึ้นอีกครั้ง และนักวิจัยยังคงปฏิบัติงานกันอย่างรอบคอบ เนื่องจากการรับมือกับไวรัสยังคงอยู่ในขั้นตอนสำคัญ การตววจสอบแหล่งที่มาของไวรัส เปิดเผยวิธีการติดเชื้อ และติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัส ยังถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้
จีนจำเป็นต้องเร่งการดำเนินงานด้านการแพทย์ในแง่ของการวิจัยขั้นพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีหลัก ขีดความสามารถการผลิตเชิงกลยุทธ์ และอุปกรณ์การแพทย์ชั้นสูง สิ่งเหล่านี้คือความท้าทายที่มีได้ง่ายไปกว่าการต่อสู้กับไวรัส หากแต่ก็คุ้มค่าที่จะลงมือทำเพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของผู้คน
จีนจะสามารถแบกรับหน้าที่ของตนในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศอื่นๆ ได้ดีขึ้น โดยการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่โลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และด้วยความสามารถในการต่อสู้กับไวรัส ด้านสาธารณสุขเป็นความท้าทายสามัญที่มนุษยชาติต้องเผชิญ แต่ความคืบหน้าด้านการควบคุมไวรัสของจีนก็ได้สร้างความน่าเชื่อถือได้ไม่แพ้กัน