"ติ๊ก ชิโร่" เผยจุดตกต่ำเป็นหนี้กว่า 20 ล้าน กับการโลดแล่นบนเส้นทางของเสียงเพลง 35 ปี ...
นักร้องมากความสามารถ อย่าง "ติ๊ก ชิโร่" ที่ตอนนี้เจ้าตัวโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 35 ปี มีทั้งงาน เงิน ชื่อเสียง แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็เจอปัญหาเศรษฐกิจจนเป็นหนี้กว่า 20 ล้านบาท ล่าสุด ติ๊ก ชิโร่ ได้เปิดใจเรื่องราว 35 ปีที่อยู่บนเส้นทางของเสียงเพลงเป็นนักเอนเตอร์เทนตัวพ่อของวงการ โดยพี่ติ๊กเล่าให้ฟังว่า
พี่ติ๊กเข้าวงการมาเป็นนักร้องเลย ?
ติ๊ก : จริงๆ เป็นนักดนตรีก่อน ทำงานในห้องอัดเสียงกับพี่เต๋อ เรวัต แล้วพอตอนกลางคืนไปตีกลองให้กับพี่แจ้ ดนุพล แล้วพอหลังจากนั้นกลายมาเป็นวงพลอย ตอนนั้นออกมาคู่กับนูโวพอดีเลย เสร็จแล้ว 3 ปี หมดสัญญาก็เลยกลายมาเป็นศิลปินเดี่ยวใน พ.ศ.2533
แล้วทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราเหมาะกับสไตล์เต้น ?
ติ๊ก : เพราะเราเป็นมือกลอง เราอยู่กับจังหวะ เพราะฉะนั้นจังหวะยิ่งมันส์ ยิ่งเร้าใจ
พี่ดังมากจนแฟนคลับไม่ให้กลับบ้าน ?
ติ๊ก : คือคนที่รักเรา ศรัทธาเรา พูดง่ายๆ ก็คือดัง คนรุมทึ่งเป็นเรื่องปกติ บางทีโดนดึงจนกระดุมหลุด แล้วความที่เราต้องดูแลเขาก็ปีนขึ้นไปบนรถตู้แล้วนอนลง เพื่อจะได้จับมือทุกคน
ช่วงนั้นแฟนคลับเยอะมาก แล้วแฟนตัวจริงเปิดเผยได้ไหม ?
ติ๊ก : ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดเผย
พี่ติ๊กคบพี่อ้อมากี่ปี ?
ติ๊ก : แต่งงาน 28 ปี คืออ้อเขาอยู่เยอรมนี พี่ก็ไปเล่นที่เยอรมนี แล้วเจอกัน ก็โทรศัพท์หากัน โทรเลขก็มีนะ
ช่วงยุคที่พี่ติ๊กดังๆ ช่วงนั้นมีพี่อ้อหรือยัง ?
ติ๊ก : มีแล้ว ถามว่าต้องปิดไหม มันก็เป็นเส้นทางการเดินทางของศิลปิน ดาราหลายๆ คน แต่สุดท้ายพี่ติ๊กก็เป็นคนแหกกฎเกณฑ์ หลังจากที่มีลูกแล้วก็แต่งงาน 2 ครั้ง
แล้วพี่ติ๊กตัดสินใจแต่งงาน ?
ติ๊ก : ก็อยากจะให้ลูกมีส่วนร่วมด้วย แล้วที่แต่งงาน 2 ครั้ง คือไปแต่งที่เหนือคือเราซึมซับความเป็นศิลปะ ประเพณี ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน แล้วแต่งที่ใต้ คือ แต่งงานใต้น้ำ ครั้งแรกเลย
แล้วกระแสพี่ตกไหม ?
ติ๊ก : ตอนนั้นก็มีกระแสอยู่บ้าง ก็ต้องยอมรับ บางคนบอกว่าทำไมเหมือนเป็นเจ้าหรือไงมานั่งเสลี่ยง ทำลายศิลปะประเพณีที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม แต่จริงๆ มันเป็นการย้อนให้ทุกคนรับรู้ว่าวิธีการสมัยก่อนมันเป็นแบบนี้
ดังมาก รวยมาก แต่ก็เป็นหนี้หลายสิบล้าน ?
ติ๊ก : ไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งที่เริ่มต้นมาจากติดลบ แล้วมาก่อร่างสร้างตัวจนประสบความสำเร็จ แต่ว่าวันหนึ่งมันมากกว่าหมดตูด ก็คือติดลบ เป็นหนี้ 20 ล้าน
มันเกิดจากอะไร ?
ติ๊ก : ตอนนั้นทำธุรกิจ เป็นคนนำเข้า Accessory จากเยอรมัน คือทุกอย่างที่เป็น Accessory ของรถมีหมด แล้วก็เป็นเจ้าของเครื่องดื่ม RTD คือตอนนั้นประเทศไทย เจอวิกฤติต้มยำกุ้ง ตอนที่พี่สั่ง 4-5 คอนเทนเนอร์ เป็นเงินมหาศาล แล้วน้ำตาไหลเลย พอไทยลดค่าเงินบาท เราเป็นหนี้ทันทีเลย กุมขมับเลย เหมือนฟ้าถล่ม หายวับไปกับตา เศร้ามาก ที่นี่เราจะได้เห็นคุณค่าของครอบครัว นั่งเศร้า ลูกเต้าก็อยู่ แล้วอ้อก็บอกว่าถ้าสมมุติเราไม่มีทางไปจริงๆ อ้อจะดูแลพี่ติ๊กเองจะกลับไปอยู่เยอรมัน ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นู้น แต่เราคิดว่าเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราพาเขามาจากเมืองนอก แสดงว่าเราล้มเหลว แล้วเขาพาเรากลับไปแสดงว่าเราใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องสู้ ทำงานเก็บเงิน ขายนู้น ขายนี่ พวกโรงงาน สตู โกดังขายหมดเอาเงินมาโปะใช้หนี้เรียบร้อย
ร้องไห้บ้างไหม ?
ติ๊ก : โห....ไม่ต้องพูดถึง อันนี้แหละครับที่ได้เห็นว่าคุณค่าของการมีครอบครัวที่ดี มันส่งผลให้เรามีขวัญและกำลังใจ น่าจะเรียกว่าโศกนาฏกรรมของชีวิตได้