ไทยต้มไทย "แมสก์มือ 2" "สันดานชั่ว" ช่วงวิฤติ

2020-03-03 12:45:23

ไทยต้มไทย "แมสก์มือ 2" "สันดานชั่ว" ช่วงวิฤติ

Advertisement

ช่างระยำเกินเสียนี่กะไร กับคนไทย(บางส่วน)ที่ไม่มีสำเหนียกรับผิดชอบ ไม่ใส่ใจความเดือดร้อน จ้องเอาเปรียบคนไทยด้วยกันในยามทุกข์ร้อน


เป็นไปได้อย่างไร ขายหน้ากากอนามัยบนออนไลน์ พอคนหลงเชื่อสั่งซื้อ ของที่ได้รับกลับเป็นแมสก์เก่ามือ 2 มีคราบเหลืองอ๋อยทั้งสายรัดและหน้ากากให้ชอกช้ำใจ

ที่โสโครกไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน คือร้านขายของเก่า ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี ที่ตำรวจและฝ่ายปกครองบุกตรวจค้น เจอหน้ากากใช้แล้วกองพะเนิน และกำลังถูกอมนุษย์สมองฝ่อนำมารีไซเคิลเพื่อขายทำกำไรใหม่ คือใช้หน้ากากอนามัยใช้แล้วซึ่งก็ไม่รู้ต้นทางมาจากไหน นำไปเข้าเครื่องซักผ้า นำไปตากแล้วว่าจ้างแรงงานต่างด้าวใช้เตารีดรีดให้เรียบเพื่อให้ดูใหม่ แล้วจัดเรียงใส่กล่องใหม่รอส่งให้ลูกค้า

ไม่รู้ใช้สมองส่วนไหนคิด เพราะกลวงโบ๋จนไม่คิดไม่เป็นว่า หากมาจากโรคพยาบาลหรือคลีนิคโรคติดต่อ หรือสถานประกอบการที่ไม่รู้ผู้ใช้มีโรคประจำตัวและสามารถแพร่ขยายเชื้อไปยังคนอื่นได้ จะสร้างความบรรลัยแก่คนอื่นตามมาอีกแค่ไหน

คิดได้อย่างเดียวคือต้องการกอบโกยโดยหลอกลวงผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกและหวั่นเกรงการแพร่ระบาดของเขื้อไวรัสโควิด 19 และหาซื้อหน้ากากอนามัยในขณะนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะร้านยาหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป ซึ่งก่อนหน้านี้ มีวางขายราคาชิ้นละไม่กี่บาท

นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ ผู้คนโอบอ้อมอารี มีรอยยิ้มแห่งความจริงใจ

แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เช่นเดียวกับแมสก์ที่หาซื้อได้ยากมาก ทั้งที่เป็นสินค้าควบคุม และกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ออกโรงเตือนห้ามกักตุนหรือขายเกินราคาที่ควรขาย

ธาตุแท้ของคนชั่วเห็นแก่ตัว ยังมีประกาศขายผ่านออนไลน์ โขกราคาแพงลิบลิ่ว พร้อมข้อบังคับให้โอนเงินเข้าบัญชีก่อนจะส่ง แต่เมื่อคนหลงเชื่อหลงโอนงินให้ ก็ไม่ส่ง อ้างของหมดชั่วคราวต้องรอล็อตใหม่ บ้างก็เงียบหายไปเฉยๆก็มี

การประกาศขายหน้ากากอนามัยทางออนไลน์ ยังเป็นชนวนเหตุสงสัยให้ขบคิดด้วยความสงสัยด้วยว่า ขณะที่สินค้าขายตลาด หาซื้อไม่ได้ แต่ไฉนมีประกาศขายผ่านออนไลน์อย่างดาษดื่น หลายรายอ้างและโชว์ภาพสต็อคนับแสนนับล้านชิ้น พร้อมยี่ห้อของสินค้า ทั้งที่เป็นสินค้าควบคุม ไม่ว่าการซื้อ การมีไว้ในครอบครอง หรือการส่งออก ต้องแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์

แต่ผลที่เกิดขึ้น กลายเป็นเสมือนว่า ไร้น้ำยา ไม่ทันเล่ห์เพทุบายของผู้ผลิต เพราะสินค้าไปปรากฎบนออนไลน์และเปิดขายกันโจ่งครึ่มแบบปลอดภัยไร้กังวล

ทั้งที่ พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ปี 2542 ระบุโทษไว้ชัดเจนในมาตรา 41 การฝ่าฝืนจงใจทำให้ราคาสินค้าต่ำหรือสูงเกินสมควร หรือทำให้ราคาสินค้าเกิดความปั่นป่วน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แทนที่จะกลัวจนหัวหด กลับกลายเป็นช่องทางและช่วงเวลาสำหรับแสวงหาเงินกำไรใส่พกใส่ห่อของตนเอง

จับได้ไล่ทัน ต้องลงโทษเอาจริงครับ อย่าหน่อมแน้ม หรือปรับพอเป็นพิธี


ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : Kaew Jung