"ศรีสุวรรณ"ร้อง กกต.สอบการซื้อ-ขาย ส.ส.มีความผิดถึงยุบพรรค
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่สำนักงาน กกต.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อเอาผิดพรรคการมือง และ ส.ส.ที่มีพฤติกรรมขายตัว อันเนื่องมาจากกรณีที่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้นำคลิปเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในอดีตสมาชิกพรรคมาเปิดเผยต่อสาธารณะกันอย่างครึกโครมว่า มีกการเสนอการซื้อตัว-ขายตัวของ ส.ส.ที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมัคำสั่งยุบพรรคไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีการตั้งค่าตัวถึงคนละ 23 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นนั้น ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ตาม ม.92(2) และ (3) แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งอาจทำให้พรรคการเมืองที่มีการกระทำดังกล่าว ถึงขั้นสิ้นสุดการเป็นพรรคการเมืองได้
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า อีกทั้งเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวของ ส.ส.และพรรคการเมือง ประหนึ่งคล้ายกับ "โสเภณีทางการเมือง" ที่ไร้อุดมการณ์ ซึ่งจะส่งผลเสียไปทั้งระบบรัฐสภา ที่อ้างว่ามีการปฏิรูปแล้วนั้น ให้เห็นเด่นชัดว่าเป็นการถอยหลังลงคลองไปไกลมากพอสมควร ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจต่อสาธารณชนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเป็นการท้าทายและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัวความผิด ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญมิอาจปล่อยให้ผ่านไปได้ นอกจากนั้น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ม. 30 บัญญัติว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิก ทั้งนี้ เว้นแต่สิทธิหรือประโยชน์ซึ่งบุคคลจะพึงได้รับในฐานะที่เป็นสมาชิก และ ม.31 ก็บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม ม.109 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปีอีกด้วย ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความมาร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และเอาผิดพรรคการเมืองและหรือผู้ที่กระทำการดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป