ยิ่งกว่าเพื่อนหักเหลี่ยมโหด โป๊ะแตกสุมหัวเล่นปาหี่?

2020-02-28 11:20:45

ยิ่งกว่าเพื่อนหักเหลี่ยมโหด โป๊ะแตกสุมหัวเล่นปาหี่?

Advertisement

เอากันเข้าไป ไม่ต้องคำนึงถึงบทบาท คุณธรรม ความจริงใจ ทั้งต่อตัวเอง ต่อเพื่อนๆและต่อประชาชน อีกแล้ว

เหตุผลที่เป็นข้ออ้าง คิดว่าเนียน ตีบทแตกกระจุยกระจาย หวังลุ้นรางวัลตุ๊กตาทอง แต่ความจริง ได้แค่ตุ๊กตาเก๊

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่อุตส่าห์คุยโม้โอ้อวดตั้งแต่ต้นว่ารัฐบาลเสร็จแน่ แต่ความจริงก็ทะแม่งๆ กลิ่นตุๆไม่สู้ดีมาตั้งแต่แรก

หลังมีข่าวลับแต่ลือกันให้แซ่ดว่า มีรายการตั้งโต๊ะดวดไวน์ สรวลเสลเฮฮาตาฉ่ำ เพื่อให้ละเว้น 1 ใน 3 ป. คือ ป.ป้อม ในศึกซักฟอกหนนี้

ต่อด้วยรายชื่อรัฐมนตรี 5 คนแรกจากปาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ที่ถูกดึงตัวไปทำหน้าที่ติวเข้มให้กับทีมอภิปรายของพรรค กลับไม่มีรายชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่แห่งตึกไทยคู่ฟ้า หนำซ้ำขู่อีกต่างหากว่า ใครจะอภิปราย "บิ๊กป้อม" อาจมีโทษถึงติดคุก

จะโดยสมาชิกบางส่วนในพรรคเพื่อไทยไม่ยอม หรือจะเป็นเพราะเสียงเด็ดขาดจากพรรคอนาคตใหม่ ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรค ออกโรงแจงและแฉเป็นฉากๆของพรรคแกนนำฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยล่าสุดก็ตามที สุดท้ายจึงมีชื่อ "บิ๊กป้อม" พ่วงเป็น 1 ใน 6 รายชื่อ

ด้วยพรรคอนาคตใหม่ที่ ส.ส. ผู้อภิปรายจะผ่านการทำการบ้านมาอย่างหนัก มั่นใจว่า เป็นเป้าที่มีจุดอ่อนที่สุดในรัฐบาล หากสามารถเปิดแผลได้ รัฐบาลจะถึงขั้นสั่นสะเทือนยิ่งกว่าโดนโควิด 19

การมีชื่อ "บิ๊กป้อม" อยู่ในลิสต์ขึ้นเขียง ยังทำให้ฝ่ายค้านดูดี พ้นจากข้อครหาว่ามี "ดีลลับ" กับรัฐบาลให้ละเว้น "ป.ป้อม" ได้อีกต่างหาก

หารู้ไม่ว่า ยังมีลีลา แท็คติก และวิธีการอื่น ให้หยิบมาใช้อีกพะเรอเกวียน

ไม่ว่าจะเป็นการเตะถ่วงเวลา การประท้วง การหารือให้ประธานวินิจฉัย การสลับคน แซงคิว และวันเวลาอภิปรายไปจากเดิม การวาง พล.อ.ประวิตร ไว้อภิปรายท้ายสุด รวมถึงการเพิ่มเวลาให้กับ ส.ส.บางคน ล้วนมีผลโดยตรงต่อศึกศักฟอกหนนี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการ "เผาเวลา" ไปเรื่อยๆ อย่างที่นายปิยบุตรออกโรงแฉวิธีการที่ถูกนำมาใช้เรื่องโกงเวลา เพราะสุดท้าย ได้เผาเวลาพรรคอนาคตใหม่จากเดิมเหลือ 9 ชั่วโมง เป็นเหลือ 210 นาที และในวันสุดท้ายเหลือเพียง 30 นาที

ถือเป็นอภิปรายนอกสภาอีกครั้งของอดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เต็มไปด้วยลีลาดุดัน โดยมีเป้าหมายหลักไปที่พรรคเพื่อไทย ระบุเป็นเรื่องบริหารจัดการเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เคารพกติกา มารยาท ชอบกระโดดข้ามหัวคนอื่น

นายปิยบุตร ยังฉายภาพให้เห็นด้วยว่า การเผาเวลาดังกล่าว ทำให้รัฐมนตรีที่ต้องถูกอภิปรายอีก 3 คน คือ พล.อ.ประวิตร นายวิษณุ เครืองาม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เหลือเวลาซักฟอกได้อีกเพียง 1 คนเท่านั้น ก่อรสรุปฟันธงว่า ฝ่ายรัฐบาลเห็นโอกาสนี้ จึงใช้ข้ออ้างที่ตกลงกันไว้ระหว่างวิปทั้ง 2 ฝ่ายให้การอภิปรายทำได้เพียงแค่ 19 นาฬิกา โดยไม่ยอมผ่อนผันยืดเวลา เสนอให้ปิดประชุม และเซฟ "บิ๊กป้อม" เอาไว้ไม่ให้ถูกอภิปรายจนได้

สาระที่นายปิยบุตรนำมาบอกกล่าวเป็นบทสรุป เท่ากับสะท้อนการเดินเข้าสู่ "กับดัก" ที่ถูกวางเอาไว้ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่า วิป 2 ฝ่ายตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าต้องจบในเวลา 19.00 น.

ประเด็นสำคัญถัดมาให้ขบคิด คือ ฝ่ายค้านขอเสนอยืดเวลาอภิปรายออกไปอีก แต่ขั้นตอนการสรุปและตอบญัตติทั้งหมดต้องจบสิ้นก่อน 24.00 น. ซึ่งคล้ายๆกับญัตติซักฟอกรัฐบาลทุกๆครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลเสียงแข็ง ไม่มีการโอนอ่อนโดยอ้างเป็นข้อตกลงร่วมกันอย่างเดียว และใช้โอกาสช่วงสลับคนทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมจากนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นนายศุภชัย โพธิ์สุ เสนอให้ปิดการอภิปราย และชนะโหวตในที่สุด หลังจากฝ่ายค้านประท้วงและวอล์คเอ้าท์จากห้องประชุม

ประเด็นสำคัญเกี่ยวเนื่องกัน คือฝ่ายโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยชะล่าใจตั้งแค่ต้น ว่าสามารถเจรจายืดเวลาอภิปรายได้ถึงก่อนเที่ยงคืนจริงหรือไม่ ทั้งที่ทราบดีว่า ศึกซักฟอกครั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลเตรียมการและโหมโปรโมทมาตรการรับมือจากกลุ่มต่างๆในพรรคพลังประชารัฐให้เป็นข่าวตลอด ซึ่งต่างหวังให้เป็นผลงานเข้าตาผู้นำคนสำคัญในรัฐบาล มีล้ำเส้นกันถึงขั้นเสนอปลดประธานวิปรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายถูกเสนอให้ปลดก็ต้องแสดงให้เห็นถึงบทบาทความเด็ดเดี่ยวสำหรับการปกป้องรัฐบาลต้องโดดเด่นเล่นบทองครักษ์ให้เข้าตากรรมการเช่นกัน

ที่เป็นคำถาม คือไม่มีการประเมินอะไรเลยหรือจากในซีกแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่หลาบจำบทเรียนจากข่าว "ตั้งโต๊ะดวดไวน์" และไม่เอะใจ เรื่อง "ข้อสอบรั่ว" ที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถเตรียมชาร์ตและข้อมูลการอภิปรายชี้แจงข้อกล่าวหาฝ่ายค้านได้อย่างแม่นยำราวจับวางเลยเชียวหรือ?

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พลพรรคอนาคตใหม่ จะแยกตัวไปตั้งโต๊ะแถลงข้อสงสัย ไม่ไปนั่งร่วมโต๊ะแถลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ และประกาศพร้อมทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาแทน

สำคัญที่สุด คือตั้งข้อสงสัยและอภิปรายไม่ไว้วางใจใส่พรรคเพื่อไทยอย่างชัดแจ้ง ไม่มีเหนียม ไม่มีเกรงอกเกรงใจให้เห็น

หรือรู้เช่นเห็นชาติว่าไม่เนียน เป็นเพียงรวมหัวเล่นปาหี่? หวังช่วยใครบางคน หรือมี "ดีลลับ" อะไรบางอย่าง ใครรู้ช่วยตอบทีครับ