หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เตือนภาวะติดเชื้อ "โควิด-19" ในเด็กไม่รุนแรง แต่เด็กอาจเป็นคนแพร่เชื้อ
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ผอ.ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดกับทีมข่าวนิว18 ถึงกรณีที่พบคนไทย 3 คน ในครอบครัวเดียวกัน ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) โดยผู้เป็นปู่และย่า เพิ่งเดินทางกลับมาจากไปเที่ยวเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่หลานชายวัย 8 ขวบ ซึ่งใกล้ชิดกับปู่และย่า ได้เดินทางไปเรียนที่โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่เชื้อ ว่า หากเด็กอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวก็ควรเฝ้าสังเกตอาการ ภายใน 14 วัน หากมีไข้ มีน้ำมูก ไอจาม หรือ มีอาการผิดปกติให้ผู้ปกครองรีบพาไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส แต่หากเด็กไม่ได้มีอาการใดๆ ก็ยังไม่มีความจำเป็นในการพาไปตรวจหาเชื้อ เพียงแค่ไม่ให้เด็กเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงการติดเชื้อก็เพียงพอแล้ว
ศ.พญ.กุลกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนภาวะการติดเชื้อในเด็ก หากติดเชื้อโควิด-19 จะไม่มีความรุนแรงเท่าในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ เนื่องจากเป้าหมายของเชื้อโควิด-19 จะเข้าไปทำลายระบบการหายใจช่วงล่าง โดยผู้ที่มีภาวะโรคปอดและหัวใจ อาจเข้าข่ายอันตรายมากกว่าในเด็กหากติดเชื้อไวรัส ซึ่งหากเด็กติดเชื้อก็จะสามารถรักษาให้หายได้ โดยที่ผ่านมาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลยังไม่พบว่ามีเด็กเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด
ศ.พญ.กุลกัญญา เตือนว่า ถึงแม้ภาวะการติดเชื้อในเด็กจะไม่รุนแรง แต่เด็กอาจกลายเป็นผู้แพร่เชื้อได้ เนื่องจากเด็กต้องอาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งหากมีผู้สูงอายุ หรือ ผู้ป่วย ที่ใกล้ชิดกับเด็กก็อาจจะนำไปสู่การติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นหากพบว่ามีเด็กติดเชื้อควรให้อยู่ห่าง หรือ แยกตัว ออกจากบุคคลกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยงทันที