นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้น และอยู่ในความสงบ เมื่อวันพุธ หลังเกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนต่างศาสนา ในเมืองหลวงกรุงนิวเดลี ครั้งรุนแรงสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 200 คน ขณะที่ทางการสหรัฐออกประกาศเตือนพลเมือง ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเยือนนิวเดลี
การปะทะกันระหว่างกลุ่มชาวฮินดูกับชาวมุสลิม โดยมีมีด ปืนและน้ำกรด เป็นอาวุธ เกิดขึ้นระหว่างวันจันทร์จนถึงวันพุธที่ผ่านมา ในย่านที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิม ทางฟากตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงนิวเดลี หลังจากกลุ่มชาวมุสลิมก่อหวอดชุมนุมประท้วงกฏหมายพลเมือง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และคณะ เดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ เป็นเวลา 36 ชั่วโมง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ รวมทั้งเจรจาการค้าและความมั่นคง การปะทะกันทำให้มัสยิดแห่งหนึ่งถูกโจมตีพังเสียหาย ตลาดขายยางรถยนต์และโรงเรียน 2 แห่งถูกจุดไฟเผา
นายอาร์วินด์ เคจรีวาล มุขมนตรีรัฐเดลี เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว หรือคำสั่งห้ามออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลาที่กำหนด และให้กองทัพส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากตำรวจไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนนายมันดีพ ซิงห์ รันธาวา โฆษกสำนักงานตำรวจนิวเดลี กล่าวว่า ตำรวจจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุรุนแรงได้ 106 คน และกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตามหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มอีก
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำอินเดีย ออกประกาศเตือนเมื่อวันพุธ ให้ชาวอเมริกันใช้ความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการสัญจรผ่านพื้นที่ ที่มีการปะทะกันระหว่างชาวฮินดูกับชาวมุสลิม ในกรุงนิวเดลี ตลอดสัปดาห์นี้.