รองโฆษก ตร. แจง สตช. ปัดช่วยเหลือเครือข่ายฟอกเงินแก๊ง 1MDB

2020-02-27 07:00:04

รองโฆษก ตร. แจง สตช. ปัดช่วยเหลือเครือข่ายฟอกเงินแก๊ง 1MDB

Advertisement

รองโฆษก ตร. แจงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเครือข่ายฟอกเงินของแก๊ง 1MDB แต่ประการใด

เมื่อวันที่ 26 ก.พ.พ.ต.อ กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ได้ชี้แจงกรณีเรื่อง กองทุน1MBD ว่า จากกรณี เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2563 น.ส.พรรณิการ์ วานิช ได้กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีทุจริต 1MDB โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ในการปกปิดเอาคนบริสุทธิ์เข้าคุก ตลอดจนให้ที่พักพิงอาชญากรอันเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากการตรวจสอบขอชี้แจง ดังนี้ กรณีกล่าวหาว่ามีการกลั่นแกล้งจับกุม นาย ซาเวีย จัสโต (MR.XAVIER JUSTO) สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท ปิโตรซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เป็นเครือข่ายฟอกเงิน 1.MDB ที่ลาออกและนำข้อมูลมาเปิดเผยต่อสาธารณะจากการตรวจสอบพบว่า เมื่อเดือนพ.ค. 2558 นายซาเวียได้ถูกเจ้าหน้าที่ กองปราบปรามจับกุมดำเนินคดี จากที่มีผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ว่ามีพฤติกรรมข่มขู่รีดเอาทรัพย์ บริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ นายซาเวียเคยทำงานอยู่ หลังจากการดำเนินคดีนายซาเวีย ได้ให้การรับสารภาพ โดยในวันที่ 17 ส.ค. 2558 ศาลจึงได้พิพากษาลงโทษจำคุก 6ปี และลดโทษให้เป็น 3 ปี ระหว่างการถูกคุมขังในเรือนจำ มีการยื่นคำร้องขอโอนตัวนายซาเวีย กลับไปรับโทษต่อยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตามสนธิสัญญา แต่เนื่องจากขณะนั้นยังเหลือโทษที่ต้องจำคุกมากกว่า 1ปี ซึ่งตาม พ.ร.บ.การปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ.2527 กำหนดให้การโอนตัวนักโทษได้นั้นจะต้องเหลือโทษที่จำคุกน้อยกว่า 1 ปี คณะกรรมการพิจารณาโอนตัวนักโทษ ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2559 แล้วมีมติยังไม่ให้โอนตัวนายซาเวียหลังจากที่ นายซาเวียถูกจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ได้รับการปล่อยตัวตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในวโรกาสสำคัญของชาติ 2 ฉบับ 

รองโฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ซึ่งหากรัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลั่นแกล้ง นายซาเวียน่าจะไม่ได้รับโอกาสดังกล่าว ต่อมา​ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2559 ภายหลังจากที่นายซาเวียพ้นโทษ และได้ถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลไทย จึงถูกจัดเก็บข้อมูลไว้ในระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12(6),(7) ถูกสั่งห้ามเข้าประเทศตลอดชีวิต ซึ่งในระบบจะบันทึกว่าห้ามเข้าประเทศ 100ปี จากข้อเท็จจริงดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ช่วยปกปิดข้อมูลหรือกลั่นแกล้งนายซาเวียแต่อย่างใด

ส่วนกรณีกล่าวหาว่า ให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ นาย โจ โล นาย ตังเคงฉี และ นางจัสมิน ลู ให้สามารถเข้าออกและพักอาศัยในประเทศได้ ทั้งที่สิงคโปร์และมาเลเซีย ได้ขอให้ตำรวจสากลออกหมายแดง เพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิกจับกุมบุคคลที่มีหมายจับหรือผู้ร้ายข้ามแดนเมื่อได้รับการร้องขอ จากการตรวจสอบพบว่า ทั้ง 3 คน มีการเข้าออกช่องทางตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และบันทึกการเข้าออกไว้ตลอด สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้มีการช่วยเหลือหรือลบข้อมูลแต่อย่างใด  โดยทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยก่อนที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมีการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศกับฐานข้อมูลของตำรวจสากล ทั้งนี้ภายหลังมีการเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 2562 แล้ว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงทราบว่ามีการออกหมายแดงดังกล่าว ซึ่งบุคคลทั้ง 3ก็ไม่ได้มีการเดินทางเข้าประเทศไทยอีก

 สำหรับการเชื่อมต่อระบบข้อมูลข่าวสารระหว่าง ตำรวจสากล กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้เดิม ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2560 เห็นชอบในหลักการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารกับตำรวจสากลได้ แต่เนื่องจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องไปดำเนินการในรายละเอียด ตั้งแต่ ยกร่างบันทึกข้อตกลง การจัดหางบประมาณ การลงนาม และการเชื่อมต่อข้อมูล ตลอดจนให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับตรวจสอบหมายของคนต่างด้าว และใช้ได้ ในวันที่ 29 เม.ย.2562 จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏข้างต้น จึงขอเรียนให้ทราบว่า รัฐบาล และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเครือข่ายฟอกเงินของแก๊ง 1MDB แต่ประการใด