ตำรวจกองปราบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วน “บรรยิน-มานัส –ธงชัย”ยืนกรานให้การปฏิเสธ เตรียมนำตัวทั้ง 6 คนไปฝากขังศาลอาญา ด้านภรรยาของ “บรรยิน” ระบุพยายามหาข้อมูล 4 ก.พ.สามีไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุยืนยันความบริสุทธิ์
จากกรณีคนร้ายลักพาตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะอยู่บริเวณหน้าศาล เพื่อต่อรองทางคดีให้พิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่า 300 ล้านบาท แต่ภายหลัง นายวีรชัย กลับถูกกลุ่มผู้ต้องหาซ้อมจนถึงแก่ชีวิต จึงนำศพไปทำลายทิ้งอำพรางคดี ขณะที่ตำรวจสืบสวนทางลับจนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 6 รายแล้วโดยหนึ่งในนั้นซัดทอด พ.ต.ท.บรรยิน ว่าเป็นผู้บงการ โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์นายมานัส ทับนิล และนายธงชัย วจีสัจจะ
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 ก.พ. พ.ต.ท.เสวก บุญจันทร์ สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป.พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้คุมตัวนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กุล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ไปทำแผนประกอบสำนวน โดยจุดแรกบริเวณบ้านพักของ พ.ต.ท.บรรยิน บริเวณซอยรัชดาภิเษก 33 ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาใช้เป็นที่พักและรวมตัวกันก่อนลงมือก่อเหตุ จุดที่ 2 บริเวณตรงข้ามศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 แขวงเจริญกรุง เขตสาทร กทม. เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาดักรออุ้มตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ ขึ้นรถเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 โดยนายณรงค์ศักดิ์ (เสื้อขาว) รับว่าเป็นคนล็อดตัวนายวีรชัย จากนั้นนายชาติชาย (เสื้อแดง) เป็นคนดันตัวเหยื่อขึ้นรถ และรุมกันทำร้ายร่างกายระหว่างนั่งรถ จากนั้นก่อนเจ้าหน้าที่จะได้คุมตัวผู้ต้องหากลับไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อนำไปรวมกับผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์นายมานัส ทับนิล นายธงชัย วจีสัจจะ ที่ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ใน 6 ความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่องโจร, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อเรียกค่าไถ่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยใช้กำลังประทุษร้าย
อีกด้านหนึ่งที่กองบังคับการปราบปราม นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ เเละ นายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ภรรยาเเละลูกชายของ พ.ต.ท.บรรยิน ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพ.ต.ท.บรรยิน โดยนางวราภรณ์ กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยม พ.ต.ท.บรรยินว่า ได้เข้าไปหารือกับ พ.ต.ท.บรรยิน กรณีจะชี้เเจงความบริสุทธิ์ของครอบครัวในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ ซึ่งตนเห็นมีสื่อบางสำนักที่มีการนำเสนอข้อมูลว่าในวันที่ 4 ก.พ.วันเกิดเหตุ มีผู้ถูกกล่าวหาบางรายอยู่ในงานศพพื้นที่จ.นครสวรรค์ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาบางคนก็มีพยานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ในวันดังกล่าวเช่นกัน ยอมรับว่าข้อมูลดังกล่าวทำให้ตนและครอบครัวเองก็พยายามจะขอข้อมูลในส่วนนี้ เพื่อนำมาประกอบกับการแสดงความบริสุทธิ์ของสามี สำหรับรายละเอียดอื่นๆพ.ต.ท.บรรยินอยู่ระหว่างพิจารณาและหารือว่าจะบอกข้อมูลใดกับสื่อได้บ้างหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า แม้ว่าตำรวจจะยังไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของชิ้นส่วนกระดูกที่พบก็เพียงพอในการดำเนินคดีเเล้ว