เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมชี้เหตุอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา เพื่อต่องรองคดีเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ระบุทีมอุ้มมาดักรอหน้าศาลอุ้มพี่ชาย ก่อนโทรข่มขู่ผู้พิพากษาให้ตัดสินตามความต้องการ
จากกรณีคนร้ายลักพาตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะอยู่บริเวณหน้าศาล เพื่อต่อรองทางคดีให้พิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง มูลค่า 300 ล้านบาท แต่ภายหลัง นายวีรชัย กลับถูกกลุ่มผู้ต้องหาซ้อมจนถึงแก่ชีวิต จึงนำศพไปทำลายทิ้งอำพรางคดี ขณะที่ตำรวจสืบสวนทางลับจนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 6 รายแล้วโดยหนึ่งในนั้นซัดทอด พ.ต.ท.บรรยิน ว่าเป็นผู้บงการนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่ห้องประชุมชั้น 12 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกที่มีความเรื่องรุนแรงที่สุดในการคุกคามการทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ซึ่งจากการพูดคุยกับ น.ส.พนิดา ยอมรับว่าถูกคุกคามเรื่อยมาตั้งแต่รับพิจารณาคดีปลอมเอกสารการโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาท ของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงรายละเอียดที่ถูกคุกคามได้ ถึงแม้ขณะนี้ตำรวจสามารถจับตัวผู้ต้องหาในคดีอุ้มลักพากตัวได้บางส่วน แต่ตัว น.ส.พนิดาก็ยังไม่ไว้วางใจ ทางสำนักงานศาลจัดตำรวจในการดูแลคุ้มครองความปลอดภัยอยู่ ส่วนในวันที่ 20 มี.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดีโอนหุ้นเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการเลื่อนฟังคำพิพากษาหรือไม่เพราะเป็นอิสระของศาลอาญากรุงเทพใต้ในการพิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำคำพิพากษาแต่เชื่อว่าการข่มขู่ตัวผู้พิพากษาไม่ผลต่อการตัดสินคดี เนื่องจากที่ผ่านมาตัว น.ส.พนิดา และ ผู้พิพากษาทุกคนยึดมั่นในจริยธรรมและข้อกฎหมายที่จะพิจารณาความเป็นธรรมโดยปราศจากอคติ
สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้พิพากษาศาล บุคคลกรของศาล และ ประชาชนที่เดินทางมาที่ศาลนั้น นายสราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันตำรวจศาลมีเพียง 35 นายซึ่งประจำอยู่ส่วนกลางไม่เพียงพอสำรับการดูแลศาลกว่า 270 แห่งทั้งประเทศ ซึ่งหากศาลไหนร้องขอมาก็จะจัดกำลังไปดูแลอยู่แล้ว อาทิ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาหากกำลังไม่เพียงพอก็จะประสานให้ตำรวจในท้องที่ช่วยดูแลความสงบอีกทาง โดยในช่วงเม.ย. 2563 นี้ สำนักงานศาลได้ขอเพิ่มกำลังตำรวจศาลเป็น 309 นาย และในอนาคตจะขยายกำลังเพิ่มประมาณ 1,200 อัตรา เพื่อกระจายกำลังไปยังศาลที่มีความเสี่ยง และมีความจำเป็นเร่งด่วน
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ยังระบุว่าหลักการเรื่องความเป็นกลาง หรือการพิพากษายังเป็นเรื่องสำคัญหากถูกแทรกแซงหรือข่มขู่ ความเป็นธรรมในคดีก็จะไม่เกิด ซึ่งจะกระทบต่อประชาชน ยืนยันจะดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องรายละเอียดของคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการชี้แจงอีกครั้งในวันที่ 25 ก.พ. เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 ขณะที่ น.ส.พนิดา กำลังจะกลับบ้าน นายวีรชัย ได้นั่งแท็กซี่มารับ จากนั้นคนร้าย 3-4 คน ได้เข้ามานำตัวนายวีรชัย ขึ้นรถไปเวลา 17.30 น. หลังจากนั้น น.ส.พนิดา เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 ระหว่างนั้นพี่ชายได้โทรเข้ามาหา เมื่อรับสายก็การข่มขู่ให้ตัดสินคดีตามความต้องการ