ยะไข่ลุกเป็นไฟ โรฮีนจานับหมื่นหนีตาย

2017-08-31 12:35:13

ยะไข่ลุกเป็นไฟ โรฮีนจานับหมื่นหนีตาย

Advertisement


เมื่อวันที่ 30 ส.คง ไอโอเอ็ม หรือองค์การผู้อพยพระหว่างประเทศ มีแถลงการณ์ว่า มีชาวโรฮีนจา มากกว่า 18,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก หลบหนีความรุนแรงในรัฐยะไข่ของเมียนมา หลั่งไหลข้ามพรมแดนเข้าบังกลาเทศ นับตั้งแต่ความรุนแรงรอบใหม่ปะทุขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังกองทัพปลดปล่อยโรฮีนจาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา ยกกำลังโจมตีสถานีตำรวจ 30 แห่ง จุดชนวนให้เมียนมาใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้วอย่างน้อย 110 คน ส่วนใหญ่เป็นนักรบโรฮีนจา แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน เพราะมีนักข่าวจำนวนน้อยมากที่สามารถเข้าถึงพื้นที่


หน่วยงานบรรเทาทุกข์ ซึ่งให้ที่พักพิงฉุกเฉินและอาหารแก่ชาวโรฮีนจา กล่าวว่า มีชาวโรฮีนจาที่อพยพมาใหม่หลายสิบคน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง และยังมีอีกหลายพันคนรออยู่บริเวณพรมแดน เพื่อข้ามเข้าสู่บังกลาเทศ โดยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีชาวโรฮีนจา มากกว่า 100,000 คนแล้ว ที่หลบหนีการเข่นฆ่าเข้าบังกลาเทศ


ขณะที่ สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันพุธว่า มีกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศจากหมู่บ้านอย่างน้อย 3 แห่งที่ถูกเผา ในรัฐยะไข่ ซึ่งชาวโรฮีนจาคนหนึ่ง ไม่เปิดเผยชื่อ ใกล้เมืองหม่องดอว์ กล่าวว่า ประชาชนทิ้งบ้านเรือนของตน เพราะทหารมาถึงและจุดไฟเผาบ้านเรือนของพวกเขา ชาวบ้านจึงต้องหลบหนี

ด้านสหราชอาณาจักร เรียกร้องเมื่อวันอังคารให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี จัดการประชุมเพื่อหารือรายงานการฆ่าหมู่พลเรือน ในรัฐยะไข่ โดยแมทธิว ไรครอฟท์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำยูเอ็น ได้เขียนทวิตเตอร์ว่า สหราชอาณาจักรเรียกร้องยูเอ็นเอสซีจัดการประชุมเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา เนื่องจากมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาระยะยาวในรัฐยะไข่ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจด้วย โดยการประชุมคาดว่าจะมีขึ้นในวันพุธตามเวลาในสหรัฐ
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องเมื่อวันจันทร์ ให้เมียนมาอนุญาตให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน นายกูเตอร์เรส มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานพลเรือนถูกฆ่า ระหว่างการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่




ทั้งนี้ ชาวโรฮีนจาในเมียนมา ถือเป็นชนกลุ่มน้อยไร้สัญชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดของโลก และถูกควบคุมและจำกัดสิทธิเสรีภาพอย่างหนักในเมียนมา สหประชาชาติเชื่อว่า การใช้กำลังทหารกวาดล้าง อาจเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่กองทัพเมียนมาปฏิเสธ ยูเอ็นยังเรียกร้องให้เมียนมาคุ้มครองพลเรือนระหว่างปฏิบัติการทางทหาร และเรียกร้องให้บังกลาเทศเปิดพรมแดนให้ผู้อพยพเข้าประเทศด้วย ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่รัฐบาลธาการังเกียจที่จะทำ เพราะขณะนี้ ก็รับผู้อพยพชาวโรฮีนจาไร้บ้านกว่า 400,000 คนแล้ว

ด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลเมียนมา แถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า กองทัพจะใช้ความอดทนสูงสุด ในช่วงนี้ แต่ก็ยืนยันว่า เมียนมามีสิทธิ์ในการป้องกันตัวเองจากกลุ่มก่อการร้าย


ภาพ STR / AFP, Sam JAHAN / AFP