4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ

2020-02-14 18:00:14

4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ

Advertisement

4 วิธีคุมกำเนิดแบบผิด ๆ ไม่อยากท้องต้องเลิกทำ

วันวาเลนไทน์นอกจากจะเป็นวันแห่งความรักแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวันที่วัยรุ่นนิยมมีเพศสัมพันธ์กันมากที่สุด จนทำให้เกิดปัญหา “ท้องไม่พร้อม” ในหมู่วัยรุ่นตามมา สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดความรู้และความเข้าใจในเรื่องการคุมกำเนิด ทำให้ไม่สามารถป้องกันการคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากใครยังไม่พร้อมจะเป็นคุณพ่อคุณแม่วัยใส ขอเตือนว่าให้เลิกใช้วิธีคุมกำเนิดเหล่านี้

หลั่งนอก กลั้นอสุจิ

การหลั่งนอกและการกลั้นอสุจิไม่ให้ไหลเข้าไปในช่องคลอดนั้นเป็นวิธีที่นิยมทำกันมากในหมู่วัยรุ่น เพราะสะดวก ไม่เสียค่าใช้จ่าย และทำได้ทุกเมื่อ แต่การกลั้นไม่ให้อสุจิหลั่งเข้าไปในช่องคลอดไม่มีอะไรสามารถรับประกันได้เลยว่าจะกลั้นได้ทั้งหมด เพราะอสุจิบางตัวอาจจะติดมากับสารหล่อลื่นที่ออกมาในขณะที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ฉะนั้นแล้วการหลั่งนอกหรือการกลั้นอสุจิจึงเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำมาก

สวนล้างช่องคลอด

การสวนล้างช่องคลอด คือการใช้น้ำสวนเข้าไปในช่องคลอดเพื่อชำระคราบอสุจิออกมา ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่แนะนำที่สุด เพราะจะทำให้ภายในช่องคลอดได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังทำให้สภาพแวดล้อมในช่องคลอดเปลี่ยนไป เพิ่มโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเชื่อที่ว่าหากใช้น้ำที่มีด่างผสมเขาไปล้างช่องคลอดจะช่วยให้ไม่ท้องซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เพราะน้ำที่เป็นด่างจะทำให้สมดุลให้ช่องคลอดเสียแถมยังอันตรายและไม่ได้ลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ลงเลย

ปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์

การปัสสาวะทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์นั้น แท้จริงแล้วจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของท่อปัสสาวะ เพราะหลังการมีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะสูง การที่ปัสสาวะออกมาทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ แต่ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์อย่างที่หลายคนเข้าใจ

หน้า 7 หลัง 7

หน้า 7 หลัง 7 หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Fertility Awareness Method คือการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวันที่จะมีประจำเดือน 7วัน และหลังวันแรกที่มีประจำเดือนอีก 7วัน แม้จะเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ดีกว่าวิธีอื่นที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงเหมือนกัน เพราะวิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงและประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ไม่เหมาะกับคนที่ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน และต้องให้แน่ใจว่าเลือดที่ออกมาคือประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดที่เกิดจากแผลหรือเลือดที่ออกอย่างผิดปกติ

อ.พญ.อรวี ฉินทกานันท์ สาขาวิชาอนามัยการเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล